นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ EOC ของกระทรวงสาธารณสุขเช้าวันนี้มีข้อสรุปที่จะเสนอมาตรการทางสังคมเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชนให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-9 (ศบค.) พิจารณา
โดยมาตรการดังกล่าวจะมีทั้งการจำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด การห้ามออกเคหะสถาน โดยให้ออกเท่าที่จำเป็น เช่น ออกไปพบแพทย์ ไปฉีดวัคซีน หรือซื้ออาหาร และ ปิดสถานที่เสี่ยงทั้งหมดเพื่องดการทำกิจกรรมร่วมกัน ยกเว้นตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงเน้น Work From Home เป็นเวลา 14 วัน
“มาตราการครั้งนี้กับมาตรการเมษายน 63 น่าจะมีความเข้มข้นไม่น้อยกว่ากัน”
นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเดินหน้าเร่งฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงทั้งผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงทั้ง กทม.และปริมณฑล ให้ได้มากว่า 1 ล้านโดสภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ เพื่อลดอัตราการป่วยและอัตราการเสียชีวิต
อีกทั้งจะใช้การตรวจแบบ Rapid test เข้ามาสนับสนุนการตรวจในสถานพยาบาลที่มีเตียงรับรองผู้ป่วย ซึ่งหากพบผลเป็นบวกสามารถเข้ารักษาพยาบาลได้ทันที
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีจะเรียกประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรงในขณะนี้ โดยคาดว่าจะมีการพิจารณาข้อเสนอของฝ่ายสาธารณสุขให้ยกระดับมาตรการต่าง ๆ ก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ค. 64)
Tags: COVID-19, Work From Home, กระทรวงสาธารณสุข, ฉีดวัคซีน, วัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, ศบค., ห้ามออกเคหะสถาน, เกียรติภูมิ วงศ์รจิต, เคอร์ฟิว, เดินทางข้ามจังหวัด, โควิด-19