ดาวโจนส์ปิดบวก 104.42 จุด ขานรับรายงานประชุมเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่า กรรมการเฟดอาจยังไม่พร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยสัญญาณบวกดังกล่าวช่วยหนุนทั้งหุ้นคุณค่า (Value Stocks) และหุ้นเติบโต (Growth Stocks)

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,681.79 จุด เพิ่มขึ้น 104.42 จุด หรือ +0.30%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,358.13 จุด เพิ่มขึ้น 14.59 จุด หรือ +0.34%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,665.06 จุด เพิ่มขึ้น 1.42 จุด หรือ +0.01%

เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยระบุว่า กรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงินในโครงการ QE โดยกรรมการเฟดส่วนหนึ่งมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวรวดเร็วขึ้น

อย่างไรก็ดี กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในขณะนี้ยังไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของเฟดที่ต้องการเห็นเศรษฐกิจ “ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน” ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเริ่มกลับมาดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงิน นอกจากนี้ กรรมการเฟดยังเล็งเห็นว่า แม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่เชื่อว่าเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 1.02% โดยหุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ พุ่งขึ้น 1.99% ขณะที่หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน และหุ้นซีลด์ แอร์ คอร์ป ต่างก็ปรับตัวขึ้น 0.58%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นแอมะซอน ดีดขึ้น 0.57% หุ้นไอบีเอ็ม เพิ่มขึ้น 0.75% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.23%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.57% หุ้นเชฟรอน ปรับตัวลง 1.02% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 2.11% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 2.74%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.8% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 0.59% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ขยับลง 0.21%+

หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นตีตี โกลบอล (Didi Global) ร่วงลง 4.64% หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ร่วงลง 1.7% หลังจากรัฐบาลจีนประกาศจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลบริษัทจีนที่เข้าไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นต่างประเทศ รวมทั้งตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินที่ระดมทุนเพื่อการลงทุนด้านหลักทรัพย์ของบริษัทเหล่านี้ด้วย

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 1.8% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งขึ้น และสต็อกบ้านที่ตึงตัว แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง

ทางด้านสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.2 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนธ.ค.2543 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.39 ล้านตำแหน่ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ค. 64)

Tags: , , ,