ดาวโจนส์ปิดบวก 138.79 จุด ทำนิวไฮ ตลาดจับตาประชุมเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮที่เหนือระดับ 36,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮเช่นกัน ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทไฟเซอร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,052.63 จุด เพิ่มขึ้น 138.79 จุด หรือ +0.39%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,630.65 จุด เพิ่มขึ้น 16.98 จุด หรือ +0.37%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,649.60 จุด เพิ่มขึ้น 53.69 จุด หรือ +0.34%

นักวิเคราะห์จากบริษัท Leuthold Group กล่าวว่า ตลาดได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยแม้ว่ามีบริษัทหลายแห่งเปิดเผยถึงปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม บริษัทส่วนใหญ่ยังสามารถปรับขึ้นราคาสินค้าได้ ซึ่งทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งยังช่วยให้ยอดขายของบริษัทจดทะเบียนฟื้นตัวขึ้นด้วย

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 1.1% โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน เพิ่มขึ้น 0.57% หุ้นนิวมอนท์ เพิ่มขึ้น 0.77% หุ้นอัลโค คอร์ป บวก 0.75%

หุ้นไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ทะยานขึ้น 4.15% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ยอดขายวัคซีนต้านโควิด-19 ในปีนี้ขึ้นอีก 7.5% สู่ระดับ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 3.35 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยขณะนี้วัคซีนต้านโควิด-19 ได้กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของไฟเซอร์ในประวัติศาสตร์ 172 ปีของบริษัท

ทั้งนี้ การปรับตัวเลขคาดการณ์ยอดขายดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ไฟเซอร์สามารถลงนามในข้อตกลงกับหลายประเทศในการจำหน่ายวัคซีนเข็มกระตุ้น และจากการที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขของประเทศต่างๆให้การอนุมัติการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ให้แก่เด็ก

หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ผู้ผลิตเครื่องกีฬาและเสื้อผ้ากีฬารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 16.47% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า ยอดขายในปีงบการเงิน 2564 จะเพิ่มขึ้น 2.5% จากระดับของปีงบการเงิน 2563

หุ้นดูปองท์ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ พุ่งขึ้น 8.77% ขณะที่หุ้นเอสเต้ ลอเดอร์ ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.1% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 3

หุ้นเทสลา ร่วงลง 3.03% หลังจากเทสลาประกาศเรียกคืนรถยนต์จำนวนเกือบ 12,000 คันที่มีการจำหน่ายในสหรัฐนับตั้งแต่ปี 2560 เนื่องจากมีปัญหาของซอฟท์แวร์ซึ่งอาจทำให้ระบบเบรกฉุกเฉินทำงานผิดปกติ

นอกจากนี้ ราคาหุ้นเทสลายังร่วงลงหลังจากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลาได้ออกมายอมรับเมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงกับบริษัทเฮิร์ซเพื่อจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 100,000 คันแต่อย่างใด

นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในแถลงการณ์หลังการประชุมครั้งนี้ เฟดจะประกาศปรับลดวงเงิน QE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. ซึ่งจะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะพุ่งขึ้น 450,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 194,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนต.ค.จะลดลงสู่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.8% ในเดือนก.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ย. 64)

Tags: , , ,