ดาวโจนส์ปิดร่วง 652.22 จุด กังวลเฟดยุติ QE เร็วกว่าคาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ผู้บริหารของบริษัทโมเดอร์นาเตือนว่า วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,483.72 จุด ลดลง 652.22 จุด หรือ -1.86%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,567.00 จุด ลดลง 88.27 จุด หรือ -1.90% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,537.69 จุด ลดลง 245.14 จุด หรือ -1.55%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงทันทีหลังจากที่นายพาวเวลแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ว่า เฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการ QE มากกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะหารือกันในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 ธ.ค.

“ขณะนี้เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมาก และแรงกดดันจากเงินเฟ้อได้เพิ่มสูงขึ้น ผมจึงเห็นว่าถึงเวลาเหมาะสมแล้วที่เฟดจะพิจารณายุติโครงการซื้อพันธบัตรให้เร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเดือน โดยเราจะหารือกันในการประชุมครั้งต่อไป”

นายพาวเวลกล่าว

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายสเตฟาน บันเซล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโมเดอร์นาเปิดเผยว่า วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน พร้อมกับเตือนว่า บรรดาบริษัทเวชภัณฑ์อาจต้องใช้เวลานานหลายเดือนจึงจะสามารถผลิตวัคซีนสูตรใหม่ที่จะป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้อย่างเพียงพอ

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 โดยปรับตัวลง 3% ทั้งนี้ หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 3.96% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) ดิ่งลง 4.01% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.31% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.79% หุ้นเอทีแอนด์ที ดิ่งลง 4.40% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 2.5%

ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 2.5% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทรุดตัวลงกว่า 5% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.84% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.72% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 2.8% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.97%

หุ้นกลุ่มโรงแรม, กลุ่มเรือสำราญ และกลุ่มธุรกิจบริการด้านการเดินทาง ต่างก็ร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน โดยหุ้นไฮแอท โฮเทลส์ คอร์ปอเรชั่น ร่วงลง 2% หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วงลง 2.13% หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ท ดิ่งลง 3.77% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 2.97% หุ้นนอร์เวเจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้ง ร่วงลง 3.5% หุ้นเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป ดิ่งลง 3.25% หุ้นบุคกิ้ง โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 3.67%

หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นโมเดอร์นา ดิ่งลง 4.36% หุ้นไบออนเทค ร่วงลง 2.97% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ร่วงลง 1.86% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร่วงลง 2.39% หุ้นเรเจเนรอน ฟาร์มาซูติคัล ดิ่งลง 2.73%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 19.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี แต่ต่ำกว่าระดับ 19.8% ในเดือนส.ค. และเป็นครั้งแรกที่ราคาบ้านได้ชะลอตัวลงเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563

ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 109.5 ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 111.0 จากระดับ 111.6 ในเดือนต.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคถูกกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และการแพร่ระบาดของโควิด-19

นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะพุ่งขึ้น 581,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ธ.ค. 64)

Tags: , , ,