ดาวโจนส์ปิดลบ 39.11 จุด จากแรงขายหุ้นพลังงาน-หุ้นเทคโนฯ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งรวมถึงหุ้น Zoom Video Communications ที่ทรุดตัวลงกว่า 16% ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,360.73 จุด ลดลง 39.11 จุด หรือ -0.11%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,522.68 จุด ลดลง 6.11 จุด หรือ -0.13%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,259.24 จุด ลดลง 6.65 จุด หรือ -0.04%

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาตลอดทั้งเดือนส.ค.พบว่าดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีมีการปรับตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 1.2% ขณะที่ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น 2.9% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 4%

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 0.73% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมวันนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.16% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 1.68% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.23%

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง 0.56% นำโดยหุ้น Zoom Video Communications ร่วงลง 16.69% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าความต้องการใช้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ของทางบริษัทจะชะลอตัวลง หลังจากที่รัฐบาลหลายประเทศเริ่มเปิดเศรษฐกิจและผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.84% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.56% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 0.34% หุ้น Nvidia ร่วงลง 1.32%

หุ้นโมเดอร์นา ดีดตัวขึ้น 1.62% หลังจากผลวิจัยจากเบลเยียมระบุว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของโมเดอร์นาสามารถสร้างแอนติบอดี้ในร่างกายได้มากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค ขณะที่หุ้นไฟเซอร์ปิดตลาดร่วงลง 1.48% หลังมีการเปิดเผยผลวิจัยดังกล่าว

นักวิเคราะห์จากบริษัท New York Life Investments กล่าวว่า นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เมื่อใด โดยขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 4 เดือนก่อนที่จะสิ้นปี 2564 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าการปรับลดวงเงิน QE จะเกิดขึ้นในเดือนพ.ย.หรือเดือนธ.ค.

ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัท Grant Thornton คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 675,000 ตำแหน่ง โดยชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัวแข็งแกร่งถึง 943,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 18.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2530 จากระดับ 16.8% ในเดือนพ.ค.

ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 113.8 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. จากระดับ 125.1 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 124.0 โดยได้รับผลกระทบจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนก.ค., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 64)

Tags: , , ,