นายกฯ ชี้จำเป็นต้องปรับแผนกระจายวัคซีนโควิด ยันคนไทยได้ฉีดครบในธ.ค.นี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลที่เอเชียทีค ว่า โดยยืนยันว่า ในเดือน มิ.ย.นี้ การส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซเนก้ายังคงเป็นไปตามแผนเดิม ซึ่งจะเข้ามาในเดือน มิ.ย.และจะกระจายทั้งหมดออกไปให้มากที่สุด ซึ่งได้มอบนโยบายไปแล้วว่าจำเป็นต้องมีการกระจายเป็นรายเดือน เพราะวัคซีนมาเป็นช่วงๆ ในแต่ละเดือน จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนการกระจายวัคซีนไปตามจุดต่างๆ ด้วย

“ถ้าไม่มีการระบาดในระลอกนี้ การฉีดวัคซีนคงเป็นไปตามแผนได้ แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดมากขึ้นในบางพื้นที่จำเป็นต้องปรับการกระจายวัคซีนไปในพื้นที่ที่มีการระบาดเป็นจำนวนมากก่อน”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การบริหารจัดการวัคซีนทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด แต่มีหลายอย่างที่ต้องปรับเปลี่ยน แต่ไม่ต้องขอโทษเพราะเป็นการทำงานกับคนหมู่มากกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และจำเป็นต้องมีความอ่อนตัวในการบริหารงานบ้าง ซึ่งไม่ใช่การกลับไปกลับมา เป็นการกำหนดแนวทางไว้ล่วงหน้าว่า หากสถานการณ์ปรับไปตามระดับแล้วจะดำเนินการอย่างไร

นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า เป้าหมายการบริหารการฉีดวัคซีนจะให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม ประชาชนคนไทยทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนครบทุกคนอย่างแน่นอน นอกจากนี้แผนการกระจายวัคซีนในเดือนมิ.ย.นั้น จะกระจายให้มากที่สุด ซึ่งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนแผนตามสถานการณ์ต่าง ๆ ในบางพื้นที่ที่ต้องควบคุม

“การบริหารวัคซีนต้องบริหารให้ทุกคนได้ฉีดให้มากที่สุดในแต่ละเดือนและเพียงพอในเดือนถัดไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจว่าจะฉีดให้ได้ภายในเดือนธันวาคม เราต้องปฏิบัติงานโดยมีการกำหนดไว้ล่วงหน้าในระดับต่าง ๆ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ฉะนั้นการกระจายวัคซีนจะต้องคำนึงทั้งในเรื่องของจำนวน และสถานที่ให้บริการมากที่สุด”

ส่วนประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านระบบ “หมอพร้อม” ไว้ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ทุกคนจะได้ฉีดตามกำหนดแน่นอน 100% ซึ่งคนที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันใหม่ทำให้การลงทะเบียนรวดเร็วขึ้น ซึ่งเมื่อวานนี้เพียงวันเดียวมีคนลงทะเบียนแล้วกว่า 1 ล้านคน และทุกจังหวัดมีระบบของตัวเองอยู่แล้ว และแม้ว่าจะมีการลงทะเบียนทางแอปพลิเคชันอื่นๆ แต่ทุกคนที่ฉีดวัคซีนก็ต้องใช้ระบบหมอพร้อมเพื่อติดตามผลหลังการฉีดและเพื่อการออกใบรับรองหลังการฉีดครบด้วย

พร้อมระบุว่า ระบบ”หมอพร้อม” ยังดำเนินการใช้อยู่ เพื่อใช้ติดตามผลข้างเคียงของคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนไม่ว่าจะลงทะเบียนในระบบใดก็ตาม และขออย่าทำให้เกิดความสับสน เพราะบางครั้งทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดปัญหามากมาย

ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวประเทศอังกฤษพบเชื้อโควิดสายพันธุ์ไทยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันมีได้ทุกสายพันธุ์ ถ้ามันจะเกิด อย่าไปกังวลกับมันมากเลย ก็ต้องฉีดวัคซีนให้ได้ก่อน ถ้าเป็นก็ต้องรักษาได้ ดูแลป้องกันตัวเอง

“อย่าไปจับผิดกับสิ่งเล็กน้อย ถ้าถามมาก็ตอบไปว่ารักษาได้ วัคซีนที่มีอยู่ก็ยังป้องกันได้”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ส่วนการนำเข้าวัคซีนทางเลือกนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีบริษัทที่มาติดต่อไว้แล้วกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งกำลังรอเรื่องการเจรจาการนำเข้าวัคซีนอยู่ แต่ยืนยันว่าต้องมีการนำเข้าในช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าไม่มาตามช่องทางก็ไม่สามารถนำเข้ามาได้ จะมาพบใครก็ไม่ได้ ซึ่งตนเองไม่ได้มีหน้าที่ต้องให้ใครมาพบ เป็นหน้าที่ของ อย. และองค์การเภสัชกรรม ส่วนการดำเนินคดีกับบริษัท แอคแคป เอสเซ็ทส์ ที่อ้างเรื่องวัคซีนซิโนฟาร์มนั้นเป็นเรื่องที่จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เรื่องวัคซีนไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในพรรคร่วมรัฐบาล ทุกพรรคยังเข้าใจกันดี เมื่อวานนี้ตนเองก็ได้พูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์และชาติไทยพัฒนาก็ไม่มีปัญหาอะไร การปรับเปลี่ยนการทำงานนั้นตนเองทำตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข และรับฟังข้อเสนอจากกระทรวงมหาดไทยที่ใกล้ชิดประชาชนในระดับพื้นที่ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดก็นำเสนอเข้า ศูนย์บริหารสถานการร์โควิด-19 (ศบค.)

“ผมจะสั่งการเรื่อยเปื่อยไม่ได้ ไม่ใช่ผมไปยึดอำนาจใคร แต่เป็นการบูรณาการการทำงาน ให้ทำได้ตามข้อมูลที่ทุกฝ่ายเสนอขึ้นมา อย่าไปตีให้แตกกันหมดเลย เพราะบ้านเมืองก็วุ่นวายพออยู่แล้ว หยุดๆซะบ้าง”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ค. 64)

Tags: , , , , , , , , , ,