นายกฯ ปรับแผนคุมสถานการณ์โควิดให้สมดุล-ปลอดภัย กิจกรรมศก.ยังเดินหน้าได้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสนอให้มีการปรับมุมมองและยุทธศาสตร์การบริหารสถานการณ์โควิด-19 โดยให้ประชาชนสามารถอยู่กับโรคได้อย่างปลอดภัย เพราะเชื่อว่าไวรัสโควิด-19 จะไม่หมดไปและจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น ศบค.จึงกำหนดเป้าหมายด้วยการควบคุมโรคให้สมดุลกับการดำรงชีวิต และสามารถทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้

โดยรัฐบาลได้เริ่มดำเนินกิจกรรมบางโครงการแล้ว อาทิ Phuket Sandbox และ Samui Plus Model ซึ่งเป็นการทยอยเปิดกิจกรรมและในพื้นที่ที่มีความพร้อมตามเป้าหมายการเปิดประเทศอย่างเป็นขั้นตอน ภายใต้ความปลอดภัยด้านสาธารณสุข DMHTT และมาตรการ Universal Prevention

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากกระทรวงพาณิชย์ติดตามความต้องการใช้ออกซิเจนทางการแพทย์ให้เพียงพอ พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องป้องกันการลักลอบส่งออกถังออกซิเจนผิดกฎหมายด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งจัดหาวัคซีนโควิดสำหรับเด็กอายุ 12-18 ปี ซึ่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้รายงานว่า ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนให้กับครูแล้วกว่า 573,656 คน และยังคงมีนักเรียนในระบบอีกประมาณ 4 ล้านคน จากการประเมินของกระทรวงสาธารณสุขคาดว่า ภายในสิ้นปีนี้ ไทยจะได้รับวัคซีนรวมทุกประเภท 140 ล้านโดส โดยขอให้เดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการศึกษา กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยให้เร็วที่สุด สอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่ไทยมีอยู่ รวมทั้งให้เร่งรัดการเข้าถึงการตรวจโควิด-19 ด้วยชุดตรวจโควิดด้วยตัวเอง (ATK) ด้วย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมยกระดับงานวิจัยและพัฒนาวัคซีนไทย เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุข ครอบคลุมถึงการกระบวนการผลิต เพื่อให้ไทยสามารถพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนในอนาคตได้ และจากที่ได้ติดตามการพัฒนา วัคซีน ChulaCov19 ชนิด mRNA โดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งตั้งเป้าหมายขึ้นทะเบียนให้ใช้ได้ในรูปแบบภาวะฉุกเฉินในช่วงเดือนเมษายน 2565 และวัคซีนใบยา ที่ใช้เทคโนโลยีจากใบยาสูบ รัฐบาลพร้อมจัดสรรงบประมาณและเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ที่ประชุม ศบค. ได้คลายล็อกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด สอดคล้องกับนายกรัฐมนตรีที่ห่วงใยการประกอบอาชีพของพี่น้องประชาชน โดยหวังให้ประชาชนสามารถดำเนินกิจการ/กิจกรรมทางได้ ด้วยการยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 สำหรับเปิดกิจการ/จัดกิจกรรมให้ปลอดภัย ลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ภายใต้การยกระดับมาตรการป้องกัน Universal Prevention และ COVID Free Setting ในสถานที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยง

ทั้งนี้ ก่อนปิดประชุม นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวให้กำลังใจทุกคนว่า “ขอให้เราต้องมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ เพื่อร่วมมือกันทำงานเพื่อคนไทย และคงต้องร่วมกันทำในยุคนี้ รัฐบาลชุดนี้ด้วย”

นายธนกร กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ส.ค. 64)

Tags: , , , , , ,