“พาวเวล” เชื่อวิกฤตเอเวอร์แกรนด์ไม่กระทบสหรัฐ-แนะคองเกรสเพิ่มเพดานหนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) ว่า ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ในสหรัฐได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เริ่มชะลอตัวลงในขณะนี้

“ไวรัสสายพันธุ์เดลตาเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้า อย่างไรก็ดี ความคืบหน้าในการฉีดว้คซีนจะช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส และจะช่วยให้ภาวะเศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง”

นายพาวเวลกล่าว

นายพาวเวลระบุว่า การที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ ส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยกรรมการเฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ลงสู่ระดับ 5.9% จากระดับ 7.0% และได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ซึ่งอยู่ระดับ 3.4% โดยตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ระดับ 2%

“ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดแรงงานยังไม่มีการขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพตามที่เราคาดหวังว่า โดยหากเงินเฟ้อและตลาดแรงงานมีการขยายตัวตามเป้าหมายที่เราวางไว้ ก็เป็นไปได้ว่าในการประชุมครั้งหน้า คณะกรรมการเฟดอาจจะพิจารณาโดยอาศัยข้อมูลเป็นวงกว้างว่า เฟดจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่”

นายพาวเวลยังได้แสดงความเห็นต่อกรณีที่บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป มีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้ว่า เขาเชื่อว่าการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับสองของจีนรายนี้จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับสหรัฐ แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินทั่วโลก

“สถานการณ์ของเอเวอร์แกรนด์มีผลกระทบต่อจีนมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากหนี้สินที่สูงมาก ส่วนในสหรัฐนั้น การผิดนัดชำระหนี้ของภาคเอกชนอยู่ในระดับที่ต่ำมากในขณะนี้ ดังนั้นผมจึงมองว่า ปัญหาหนี้สินของเอเวอร์แกรนด์อาจส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินโลกในแง่ของการที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่น”

นายพาวเวลกล่าว

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายวิตกกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐอาจผิดนัดชำระหนี้หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้นั้น นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดไม่สามารถปกป้องเศรษฐกิจและตลาดการเงินของสหรัฐจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลได้

“จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในเวลาที่เหมาะสม เพื่อที่รัฐบาลสหรัฐจะสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด แต่หากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้และรัฐบาลเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ ก็จะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงิน ทั้งนี้ ไม่ควรมีใครตั้งสมมติฐานว่าเฟดจะสามารถปกป้องตลาดหรือเศรษฐกิจสหรัฐได้ หากเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น”

นายพาวเวลกล่าว

ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่นๆ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ย. 64)

Tags: , , , , ,