รฟท.แจงไม่แตกสัญญาย่อยประมูลรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงของช่วยลดค่าใช้จ่าย-ไม่ทับซ้อน

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ชี้แจงเรื่องการเปิดประกวดราคาโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของซึ่งดำเนินการด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามระเบียบทุกขั้นตอน โดยการรถไฟฯ ได้ทบทวนการแบ่งสัญญา ซึ่งมี 2 แนวทาง โดยแนวทางแรกเป็นการรวมงานอาณัติสัญญาณฯไว้ในสัญญาเดียวกันกับงานโยธา เช่น โครงการทางคู่ช่วงชุมทาง ถนนจิระ-ขอนแก่น และโครงการทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย

แนวทางที่สองเป็นการแยกงานอาณัติสัญญาณฯออกจากงานโยธา คือ โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ซึ่งประกอบด้วยสัญญางานโยธา 10 สัญญา และสัญญางานอาณัติสัญญาณฯ 3 สัญญา รวม 13 สัญญา

จากผลการดำเนินการของโครงการทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น และโครงการทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ที่รวมงานอาณัติสัญญาณฯไว้ในสัญญาเดียวกันกับงานโยธานั้น ไม่มีปัญหาเรื่องการส่งมอบพื้นที่ ไม่มีปัญหาเรื่องการประสานงานการทำงานระหว่างผู้รับเหมางานโยธาและผู้รับเหมางานอาณัติสัญญาณฯ และไม่มีปัญหาเรื่องความล่าช้าของการก่อสร้าง สามารถเปิดใช้งานให้บริการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เพราะเป็นผู้รับเหมารายเดียวกัน ทำให้ไม่ต้องรองานส่วนใดส่วนหนึ่งเสร็จสมบูรณ์แล้วถึงจะทำการส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาในกระบวนการถัดไป

แต่จากผลการดำเนินการของโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ที่แยกงานอาณัติสัญญาณฯออกจากงานโยธาตามแนวคิดของคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง (คจก. หรือ ซุปเปอร์บอร์ด) พบปัญหาที่เกิดขึ้นหลายประเด็น เช่น การเริ่มต้นงานของผู้รับเหมางานอาณัติสัญญาณฯ ล่าช้า เนื่องจากการจัดซื้อจัดจ้างไม่เป็นไปตามแผนได้ผู้รับจ้างงานโยธาก่อนผู้รับจ้างงานอาณัติสัญญาณฯ 2 ปี ซึ่งตามหลักการต้องได้ผู้รับเหมางานโยธาและงานอาณัติสัญญาณฯพร้อมกัน จึงส่งผลทำให้ผู้รับเหมางานโยธาขาดข้อมูลในงานที่เกี่ยวกับการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณฯ และเป็นเหตุให้ผู้รับเหมางานโยธาขอขยายเวลาการก่อสร้าง อีกทั้งส่งผลให้การเปิดให้บริการเดินรถต่อประชาชนล่าช้าออกไป เพราะต้องรอจนกว่าผู้รับเหมางานอาณัติสัญญาณฯ ทำงานแล้วเสร็จ ซึ่งทำให้รัฐเสียประโยชน์

ส่วนเรื่องการแบ่งสัญญาโครงการสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็น 3 สัญญานั้น จากประสบการณ์การดำเนินโครงการในอดีตที่ผ่านมาเห็นว่าการแบ่งน้อยสัญญามีข้อดีมากกว่าการแบ่งเป็นสัญญาย่อยจำนวนมาก ด้วยเหตุผลดังนี้

1. ด้านบริหารสัญญา การแบ่งสัญญาออกเป็นสัญญาย่อยหลายสัญญาทำให้การบริหารจัดการโครงการ จะเกิดความทับซ้อน เช่น การขออนุมัติทำงานต้องเสนอทุกสัญญา ได้แก่ การขออนุมัติแผนงานก่อสร้าง, การประกันภัยในงาน, วัสดุและฝีมือการทำงาน, เครื่องจักรก่อสร้าง อุปกรณ์ของผู้รับจ้าง งานชั่วคราว, สำนักงานสนาม, ที่พักบริเวณหน้างาน, Organization Chart and CVs , Geotechnical Investigation Report, Survey Report, Testing Lab, Quality Control Programme, การประสานงานกับส่วนราชการและผู้รับจ้างรายอื่น เป็นต้น

การควบคุมงาน อาจมีการวินิจฉัยสัญญาแตกต่างกันในหัวข้อการพิจารณาเดียวกัน การบริหารวัสดุก่อสร้างในสัญญาที่กำหนดให้ใช้วัสดุที่ได้จากการขุดมาใช้เป็นวัสดุถม การแบ่งหลายสัญญาอาจทำให้ไม่มีงานขุดกับงานถมอยู่ในสัญญาเดียวกัน แต่ถ้าเป็นสัญญาขนาดใหญ่ซึ่งมีงานขุดและงานถมอยู่ในสัญญาเดียวกันก็สามารถนำวัสดุงานขุดไปใช้เป็นวัสดุงานถมได้ ทำให้ประหยัดงบประมาณค่าก่อสร้าง

2. ด้านงบประมาณ ในกรณีที่แบ่งเป็นสัญญาใหญ่สามารถลดค่าใช้จ่ายค่าดำเนินการ เช่น ค่าใช้จ่ายในการเตรียมการ ค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายสำนักงานสนาม ค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมบุคลากรควบคุมงาน ค่าใช้จ่ายเครื่องจักร ยานพาหนะ และค่าใช้จ่ายการจ้างที่ปรึกษา PMC เป็นต้น

ดังนั้น รฟท.จึงเห็นควรแบ่งสัญญาโครงการทางคู่สายเด่นชัยฯ ออกเป็น 3 สัญญารวมงานอาณัติสัญญาณฯ และเสนอกระทรวงคมนาคมเสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติโครงการ ครั้งที่ 2 และครม.มีมติอนุมัติโครงการ เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2563 โดยแบ่งเป็น 3 สัญญา ตามที่เคยเสนอ ครม.ในครั้งที่ 1 (เมื่อวันที่ 31 กค. 2561)

อนึ่ง การจัดแบ่งงานสายเหนือเป็น 7 สัญญา งานโยธา 6 สัญญา และงานอาณัติสัญญาณ 1 สัญญา โดย คณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ตามคำสั่งหัวหน้าคณะ คสช. (ซุปเปอร์บอร์ด) ตามที่ รฟท. เสนอเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2561 นั้น ยังไม่ได้รายงานผลการพิจารณาแนวทางการดำเนินการแบ่งสัญญาให้คณะรัฐมนตรีรับทราบแต่อย่างใด เนื่องจากหัวหน้า คสช. ได้มีคำสั่งที่ 9/2562 ส่งผลให้ คกจ. ถูกยกเลิกไปด้วย

“การดำเนินงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของนี้มีความโปร่งใส มีกระบวนการตรวจสอบการดำเนินการอย่างเปิดเผยในทุกขั้นตอน และเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติของทางราชการ และข้อกฎหมายทุกประการ”รฟท.ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มิ.ย. 64)

Tags: , , ,