สธ. เร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนหญิงตั้งครรภ์ครอบคุลม 3 แสนรายในปีนี้ ลดเสียชีวิตโควิด

นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การติดเชื้อของสตรีมีครรภ์ในประเทศไทย ตั้งแต่เดือน ต.ค. 63- ก.ย. 64 พบว่า มีสตรีมีครรภ์เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 78 ราย หรือคิดเป็น 38% ซึ่งอยู่ในสัดส่วนที่สูง และเป็นครั้งแรกที่สาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของสตรีมีครรภ์นั้นมาจากโรคโควิด-19 เช่นเดียวกับสถานการณ์ของประเทศอื่นๆ

ทั้งนี้ในช่วงระยะเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมา (ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-16 ก.ย.) พบสตรีมีครรภ์ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 4,778 ราย มีทารกติดเชื้อ 226 ราย และมีมารดาเสียชีวิต 95 ราย ทารกเสียชีวิต 46 ราย โดยพบว่ากว่า 95% ของสตรีมีครรภ์ที่ติดเชื้อ และเสียชีวิตนั้นยังไม่ได้รับวัคซีน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการรณรงค์การฉีดวัคซีน โดยมีการตั้งเป้าฉีดวัคซีนในสตรีมีครรภ์ให้ครอบคลุม 1 แสนราย มาตั้งแต่ช่วงเดือนก.ค. 64 แต่ขณะนี้มีสตรีมีครรภ์ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพียง 74,625 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 51,989 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 526 ราย ทั้งนี้การตั้งเป้าฉีดวัคซีนในสตรีมีครรภ์ของทั้งปีนั้น หากนับรวมจำนวนสตรีมีครรภ์ที่มีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ขึ้นไป จะอยู่ที่ประมาณ 3 แสนราย ดังนั้นขณะนี้ประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนในสตรีมีครรภ์แล้วเกือบ 75,000 ราย คิดเป็น 25% ของทั้งหมด

จากผลการสำรวจของอนามัยโพล (Anamai Poll) เกี่ยวกับสตรีมีครรภ์กับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยมีการสำรวจจากสตรีมีครรภ์ทั่วประเทศ จำนวน 1,165 ราย ตั้งแต่วันที่ 15-29 ก.ย. 64 พบว่า สตรีมีครรภ์กว่า 50% ยังไม่ได้รับวัคซีน ทั้งนี้เมื่อสอบถามถึงความประสงค์ในการรับวัคซีนพบกว่า 60% มีความประสงค์รับวัคซีน ส่วนสตรีมีครรภ์ที่เหลือยังไม่แน่ใจในการรับวัคซีน เนื่องจากสตรีมีครรภ์ 1 ใน 3 มีความกังวลเรื่องผลข้างเคียงของวัคซีน รองลงมาคือมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของวัคซีน รวมถึงมีบางส่วนที่คิดว่าตนเองไม่มีความเสี่ยง และมีโอกาสติดเชื้อน้อย

นอกจากนี้ ยังพบว่าสตรีมีครรภ์ 76.7% อาศัยอยู่ร่วมกับสมาชิกในครอบครัวจำนวน 3-7 คน แต่ยังไม่ได้รับวัคซีนนั้น ไม่สวมหน้ากากอนามัยอยู่ในบ้านตลอดเวลาเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น รวมทั้งพบว่ามีพฤติกรรมรับประทานอาหารร่วมกัน และไม่ทำความสะอาดบริเวณจุดที่มีการสัมผัสบ่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ

นพ.เอกชัย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข จึงรณรงค์ให้สตรีมีครรภ์รับวัคซีนมากขึ้น โดยสตรีมีครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ สามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ฟรีที่สถานบริการของภาครัฐใกล้บ้าน หรือติดต่อรับบริการที่คลินิกฝากครรภ์ในโรงพยาบาลของรัฐ ทั้งนี้สตรีให้นมบุตรสามารถฉีดวัคซีนได้ หลังจากฉีดวัคซีนแล้วสามารถให้นมได้ทันที รวมทั้งการฉีดวัดซีนในสตรีมีครรภ์ที่ให้นมบุตรสามารถลดอัตราการติดเชื้อ ลดอัตราการป่วยรุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิตได้

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าประโยชน์ที่จะได้จากวัคซีนนั้นมีมากกว่าความเสี่ยง หรือผลข้างเคียงของวัคชีน จึงแนะนำให้สตรีมีครรภ์เข้ารับการฉีดวัคซีนได้ ยกเว้นคนที่เคยแพ้รุนแรงจากการฉีดครั้งก่อน หรือแพ้ส่วนประกอบของวัคซีนรุนแรง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ต.ค. 64)

Tags: , , , , ,