สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาด GDP ไทยปี 65 โต 3% รับเปิดประเทศแม้ยังมีความท้าทายมาก

นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ธนาคารคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวและเติบโตได้ราว 3% ในปี 65 โดยมองว่าฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนในขณะนี้ แต่อาจจะทบทวนมุมมองนี้อีกครั้งหลังจากรอดูตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคช่วงปลายปี 64 และภาพรวมการเปิดประเทศหลังจากวันที่ 1 พ.ย.ที่จะถึงนี้

“เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในระหว่างฟื้นตัว เราคาดว่าปี 65 เศรษฐกิจจะดีกว่าปี 64 แต่สิ่งที่น่าติดตาม คือ เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เข้มแข็งเพียงใด” 

นายทิม กล่าว

ขณะที่นโยบายทางการคลังยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่จะมีการกระตุ้นในภาคการบริโภคและการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่โครงการการลงทุนต่างๆคาดว่าจะกลับมาเดินหน้าต่อ ซึ่งมีโอกาสต่อยอดการเติบโตของเศรษฐกิจได้มากขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตามองในปีหน้าจะอยู่ที่นโยบายทางการเงินแทน โดยตลาดอาจตั้งคำถามว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคธุรกิจไว้ได้อย่างไร ในขณะที่ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจจะมีผลต่อภาคธุรกิจที่เริ่มเห็นว่าต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้นเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดเริ่มเพิ่มขึ้นชัดเจน

ส่วนทิศทางค่าเงินบาทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 31-32 บาท/ดออลาร์สหรัฐฯ บนปัจจัยบวกต่างๆ ซึ่งรวมถึงการเปิดประเทศ และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว แต่อาจจะมีปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในประเทศหลายประการที่จะส่งผลต่อความผันผวนของค่าเงินบาทในปี 65 ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน จะกลับมาเป็นที่จับตาอีกครั้งในยุคหลังโควิด

นอกจากนี้ มุมมองของนักลงทุนเริ่มมองปัจจัยอื่นๆในช่วงหลังโควิด เช่น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไหม โดยจะส่งผลต่อเสถียรภาพด้านราคา หรือภาวะเงินเฟ้อไหม รวมทั้งจับตาดูว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นกลับมาได้อย่างที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ อีกทั้งยังมีความท้าทายเชิงโครงสร้างในแง่ของรัฐบาลจะสามารถดึงดูดภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศให้ลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้นได้อย่างไร และการแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างชัดเจน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ต.ค. 64)

Tags: , , , ,