หุ้นตีตีโกลบอลร่วงกว่า 10% วิตกข่าวจีนเตรียมบังคับถอนตัวจากตลาดหุ้นสหรัฐ

บริษัทตีตี โกลบอล อิงค์ (Didi Global Inc) ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเรียกรถโดยสารตีตีชูสิง (DiDi Chuxing) เผชิญกับแรงกดดันอีกครั้ง หลังสื่อต่างประเทศซึ่งรวมถึงบลูมเบิร์กและซีเอ็นบีซีรายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาใช้มาตรการลงโทษขั้นเด็ดขาดกับบริษัท โดยอาจเป็นการสั่งปรับเป็นเงินมูลค่ามหาศาล หรืออาจถึงขั้นบังคับให้บริษัทเพิกถอนการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากที่บริษัทเพิ่งเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นตีตี โกลบอลดิ่งลงกว่า 10% เข้านี้ และส่งผลให้ราคาหุ้นตีตี โกลบอลทรุดตัวลงราว 27% นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.จนถึงขณะนี้

รายงานข่าวระบุว่า หน่วยงานกำกับดูแลของจีนกำลังวางแผนใช้บทลงโทษบริษัทตีตี โกลบอล ซึ่งรวมถึงการสั่งปรับเป็นเงินจำนวนมากกว่าที่บริษัทอาลีบาบาเคยถูกปรับเป็นเงิน 2.8 พันล้านดอลลาร์เมื่อต้นปีนี้

นอกจากนี้ รายงานข่าวยังระบุว่า มาตรการลงโทษอาจรวมถึงการสั่งระงับการดำเนินงานบางส่วน ไปจนถึงการบังคับให้ตีตี โกลบอลเพิกถอนการจดทะเบียนหรือถอนหุ้นออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ดี ทางบริษัทตีตี โกลบอลไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ กับซีเอ็นบีซีในขณะนี้

ทั้งนี้ หุ้นของตีตี โกลบอล ร่วงลงไปแล้วประมาณ 25% นับตั้งแต่ที่บริษัทนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. โดยในขณะนั้นราคาเริ่มต้นของหุ้นตีตี โกลบอล อยู่ที่ 14 ดอลลาร์/หุ้น

ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลจีนทั้ง 7 แห่งได้เดินทางไปยังสำนักงานของบริษัทตีตี โกลบอล อิงค์ เพื่อดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยได้บังคับให้ทางบริษัทหยุดให้บริการแก่ผู้ใช้งานรายใหม่ และมีคำสั่งให้ถอดแอปพลิเคชันตีตี ชูสิง ออกจากแพลตฟอร์มแอปสโตร์ของจีน โดยCAC อ้างว่า ตีตี โกลบอล ทำการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายของจีน

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้เพิ่มมาตรการคุมเข้มแก่บริษัทจีนที่แห่เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทเทคโนโลยี โดยสภาแห่งรัฐของจีนระบุในแถลงการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า จะปรับแก้หลักเกณฑ์ว่าด้วย “ระบบการจดทะเบียนของบริษัทจีนในต่างประเทศ” พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการควบคุมด้านความปลอดภัยและการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างประเทศ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ค. 64)

Tags: , , , , ,