หุ้นไทยปิดเช้าลบ 6.80 จุด ตามตลาดต่างประเทศหลังหลายปัจจัยสร้างความผันผวน

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,598.88 จุด ลดลง 6.80 จุด (-0.42%) มูลค่าการซื้อขายราว 40,470 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้รับผลกระทบจากปัจจัยนอกประเทศ โดยดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงเกือบ 1.6% ส่งผลให้ตลาดภูมิภาคาปรับลงถ้วนหน้า ทั้งกังวลเงินเฟ้อ-ลด QE-เพดานหนี้สหรัฐฯ สร้างความผันผวนให้ตลาดบ้านเราบ้าง แต่มองดัชนีโซน 1,596 ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย 3 เดือนเป็นโอกาสเข้าซื้อหลังผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีโอกาสรัฐบาลฯจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ทำให้การบริโภคในประเทศดีขึ้น เล็งกลุ่มธนาคารได้รับประโยชน์ ส่วนกลุ่มพลังงานก็ได้รับผลดีจากราคาพลังงานปรับขึ้น ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมมองเป็นผลกระทบแค่ระยะสั้น บ่ายนี้ตลาดฯคงจะแกว่งตัวในกรอบแนวรับ 1,596-1,590 แนวต้าน 1,610 จุด

  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,598.88 จุด ลดลง 6.80 จุด (-0.42%) มูลค่าการซื้อขายราว 40,470 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยทำระดับสูงสุด 1,605.20 จุด และระดับต่ำสุด 1,593.32 จุด

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกประเทศ โดยดาวโจนส์เมื่อคืนที่ผ่านมาร่วงเกือบ 1.6% ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ปรับลงถ้วนหน้า จากความกังวลเงินเฟ้อสูง, การปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รวมถึงในเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐซึ่งสร้างความผันผวนให้ตลาดบ้านเราบ้าง

อย่างไรก็ดี ตลาดโดยรวมอยู่ในโซนแนวรับ 1,596 จุด ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย 3 เดือน มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ หลังจากตลาดบ้านเราผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เริ่มคลี่คลายลง และมีโอกาสปลายปีนี้ภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม จะทำให้การบริโภคในประเทศดีขึ้น ซึ่งกลุ่มธนาคารน่าจะได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจ และกลุ่มพลังงานก็ได้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้น อย่างหุ้น BANPU, PTTEP เป็นต้น

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมมองเป็นผลกระทบแค่ระยะสั้น เมื่อน้ำลดก็จะมีความช่วยเหลือเข้ามา ประกอบกับมีการซ่อมแซมบ้านเรา ถนนหนทาง ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องน่าจะได้รับประโยชน์ไปด้วย

พร้อมให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐว่าจะออกมาสูงอย่างที่กังวลกันหรือไม่ และติดตามทิศทางราคาพลังงานต่อไป

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายพิชัย กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังแกว่งตัว โดยมีแนวรับ 1,596-1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,610 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 4,068.92 ล้านบาท ปิดที่ 13.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,917.91 ล้านบาท ปิดที่ 133.00 บาท ลดลง 0.50 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,329.54 ล้านบาท ปิดที่ 122.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

RCL มูลค่าการซื้อขาย 964.98 ล้านบาท ปิดที่ 44.50 บาท ลดลง 2.25 บาท

GULF มูลค่าการซื้อขาย 916.14 ล้านบาท ปิดที่ 41.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 64)

Tags: , ,