เงินบาทเปิด 32.33 ทรงตัวจากวานนี้ ตลาดรอปัจจัยใหม่ คาดกรอบวันนี้ 32.20-32.40

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.33 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.34 บาท/ดอลลาร์

ทิศทางเงินบาทวันนี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ เพื่อรอปัจจัยใหม่เข้ามา จากที่ก่อนหน้านี้เงินบาทแข็งค่าไปค่อนข้างเร็ว โดยเมื่อคืนนี้ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.ของสหรัฐ ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด ขณะที่ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเดือนส.ค. ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด

“ช่วงนี้บาทคงแกว่งในกรอบ รอปัจจัยใหม่ๆ โดยตลาดรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์นี้”

นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.40 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (1 ก.ย.) อยูที่ระดับ 0.27463% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.27005%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.96 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 110.26 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโนอยู่ที่ระดับ 1.1843 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1819 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.324 บาท/ดอลลาร์
  • ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทยต่อเนื่องกว่า 1 สัปดาห์ “เฟทโก้” ชี้ นักลงทุนต่างชาติพลิกเชื่อมั่น หลังคลายล็อกดาวน์-วัคซีนคืบหน้า “บล.หยวนต้า” ประเมินเม็ดเงินไหลเข้ารอบนี้อย่างต่ำ 4 หมื่นล้าน จาก 23-31 ส.ค. ซื้อสุทธิแล้ว 1.9 หมื่นล้าน “บล.ทรีนีตี้”จับสัญญาณดัชนี “เซ็ท” ขึ้นรอบใหญ่ “บล.เอเซีย พลัส” เตือนนโยบายแบงก์ชาติต่างประเทศกระทบทิศทางฟันด์โฟลว์
  • ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของลูกหนี้ในระบบธนาคารพาณิชย์หลังจากนี้มั่นใจจะดีขึ้น โดยจะไม่ขยับเพิ่มขึ้นสูงมากนัก ซึ่งธนาคารสามารถประคองและบริหารจัดการได้ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ประกาศออกมามีความยืดหยุ่นและเอื้อให้ธนาคารปรับโครงสร้างหนี้ได้หลายรูปแบบมากขึ้น รวมทั้งได้ลดกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคต่างๆ ให้ธนาคารช่วยเหลือลูกหนี้ได้เต็มที่เมื่อมาตรการพักหนี้สิ้นสุดลง เชื่อว่าเอ็นพีแอลจะจัดการได้แต่ต้องใช้เวลา 2 ปี กว่าจะลดลง
  • อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ ได้รับแจ้งปัญหาจากภาคเอกชนเกี่ยวกับการเพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบการปนเปื้อนเชื้อโควิดของท่าเรือปลายทางของประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือใหญ่เดินทะเลที่ขนส่งสินค้ามันสำปะหลังจากไทยที่ไม่มีใบรับรองการตรวจโควิด-19 อาจถูกปฏิเสธให้เรือเทียบท่าเพื่อขนถ่ายสินค้า ณ ท่าเรือปลายทางของจีน ดังนั้น จึงขอให้ผู้ประกอบการเดินเรือระหว่างประเทศที่ขนส่งมันสำปะหลังจากไทยไปจีน จะต้องมีมาตรการรองรับเพื่อให้ประเทศปลายทางมั่นใจได้ว่าพนักงานบนเรือของตนปราศจากเชื้อโควิด เพื่อให้การขนส่งสินค้าระหว่างกันเป็นไปอย่างราบรื่นและต่อเนื่อง
  • แบงก์ชาติเผยผลสำรวจธุรกิจไทยเดือนส.ค. พบการฟื้นตัวยังต่ำแต่ดีขึ้นเพราะรัฐเริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์ การจ้างงานยังทรงตัว ยกเว้นภาคท่องเที่ยวที่ขยับขึ้นจากการเปิดรับต่างชาติในบางพื้นที่ ส่วนค้าปลีกแม้จะคลายล็อกแล้วแต่ยังไม่มั่นใจ
  • ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 374,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 613,000 ตำแหน่ง
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% และเมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 9.0% ในเดือนก.ค.
  • สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.9 ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 58.6 ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.)หลังตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ในเดือนส.ค. ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) โดยสัญญาทองคำปรับตัวในกรอบแคบตลอดทั้งวัน เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของเฟด ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 750,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.2%
  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทแกรนท์ ธอร์นตันซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ของสหรัฐคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 675,000 ตำแหน่ง โดยชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัวแข็งแกร่งถึง 943,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
  • ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนก.ค.,ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ย. 64)

Tags: , ,