เงินบาทเปิด 32.95/97 แข็งค่าจากคลายกังวลโควิดในปท. คาดกรอบวันนี้ 32.90-33.05

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.95/97 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.97 บาท/ดอลลาร์

ช่วงนี้แนวโน้มเงินบาทกลับมาแข็งค่าต่ำกว่ากว่าระดับ 33 บาท จากปัจจัยในประเทศเป็นสำคัญ คือยอดผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าระดับ 2 หมื่นคน/วันต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศนั้น ตลาดยังรอดูผลการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในช่วงปลายสัปดาห์นี้

“ตอนนี้บาทกลับมาแข็งค่า เป็นผลจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก คือยอดผู้ติดเชื้อโควิดช่วงนี้ต่ำกว่าวันละ 2 หมื่นคน ติดต่อกันมา 4-5 วันแล้ว นอกนั้นก็ไม่ได้มีปัจจัยอะไรมาก ยังต้องรอดูผลประชุมเฟดที่แจ็กสัน โฮล ปลายสัปดาห์นี้”

นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.90 – 33.05 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (24 ส.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.33975% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.29834%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.80/82 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 109.66 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1738/1742 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1733 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.131 บาท/ดอลลาร์
  • รมว.พาณิชย์ เปิดเผยในการเปิดงานสัมมนาซีแอลเอ็มวีที+ฟอรัม 2021 ว่า ท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิดประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม รวมทั้งประเทศคู่ค้าสำคัญในการฟื้นฟูวิกฤติหลังโควิด-19 โดยใช้เศรษฐกิจเป็นตัวนำและผลักดันความเชื่อมโยงทางการค้าให้ซีแอลเอ็มวีทีเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาค
  • รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ได้พิจารณาเตรียมจัดทำกรอบการเจรจาความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) และเตรียมการแจ้งให้สมาชิกซีพีทีพีพีทั้ง 11 ประเทศ ได้รับทราบหากได้รับอนุมัติจาก ครม. ในการเข้าร่วมเจรจา
  • ที่ประชุม ครม. เห็นชอบมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท โดยมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปพิจารณาความเหมาะสมของช่วงเวลาที่จะเริ่มดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 3 และทัวร์เที่ยวไทย โดยต้องกำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการให้รัดกุม โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จากการทำโครงการ แต่ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าทำไม่ได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ ก็ต้องเสนอขอยุติโครงการและคืนเงินกู้ตามกฎหมายต่อไป
  • ศบค.ชุดใหญ่ถกสุดสัปดาห์นี้ คลายล็อก 4 กิจการ “เดินทาง-ร้านอาหาร-ห้าง-กิจกรรมกลางแจ้ง” หลังยอดติดเชื้อลด คนได้รับวัคซีนมากขึ้น คาดมีผล 1 ก.ย. ตั้งเงื่อนไขเข้ม ฉีดวัคซีน 2 เข็ม ผ่านการตรวจเชื้อก่อนรับบริการ ด้านวิจัยกรุงศรีแนะรัฐเยียวยา6 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบเพิ่ม 7 แสนล้าน ประคองเศรษฐกิจ ขณะที่ “แบงก์ชาติ” ผนึกสมาคมธนาคารเดินหน้าปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 1.0% สู่ระดับ 708,000 ยูนิตในเดือนก.ค. มากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 700,000 ยูนิต
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval)
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
  • นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ “Monetary Policy Framework Review” ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมดังกล่าว
  • นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในเดือนพ.ย.นี้ จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะมีโอกาส 25% เพิ่มขึ้นเป็นจะมีโอกาส 45% และคาดว่าเฟดจะปรับลดวงเงินลงครั้งละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในการประชุมแต่ละครั้ง
  • ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2564 (ประมาณการครั้งที่ 2), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ส.ค. 64)

Tags: ,