HFT คาดผลงาน H2/64 โตตุนออเดอร์รอส่งมอบ Q4/64-ปรับราคาขายขึ้น 5%

นายจวง จื้อ เหยา รองประธานกรรมการ บมจ.ฮั้วฟง รับเบอร์ (ไทยแลนด์) (HFT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องด้วยเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่ภาคอุตสาหกรรมจะต้องมีการผลิตสินค้าและส่งมอบในไตรมาส 4/64 ตามคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ล่วงหน้าที่มีเข้ามาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/64 และไตรมาส 3/64 จำนวนมาก

ประกอบกับ ยังได้รับปัจจัยบวกจากคู่แข่งในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย และ เวียดนาม ปิดโรงงานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ซัพพลายในตลาดลดลง และมีคำสั่งซื้อไหลเข้ามาที่บริษัทมากขึ้น เนื่องจากบริษัทยังสามารถเดินเครื่องผลิตได้ตลอด อีกทั้งยังได้รับผลบวกจากการปรับราคาขายขึ้น 5% ตามทิศทางราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น

ในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทยังวางงบลงทุนไว้ที่ 150 ล้านบาทซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตยางรถจักรยาน อีก 26,000 เส้นต่อวัน จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 48,000 เส้นต่อวัน โดยจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในไตรมาส 2/65 และเดินเครื่องเต็มที่ 100% ในครึ่งปีหลังของปีหน้า ซึ่งกำลังการผลิตดังกล่าวนี้จะเข้ามาซัพพอร์ตดีมานด์ของรถจักรยานที่กำลังเติบโตอย่างมาก ซึ่งบริษัทคาดว่าตลาดรถจักรยานจะยังเติบโตได้ในระยะยาว หรืออย่างน้อย 5 ปีจากนี้

ส่วนยางรถจักรยานยนต์ บริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิต โดยยังคงกำลังการผลิตไว้เท่าเดิมที่ 28,000 เส้น/วัน เนื่องจากมีดีมานด์เพิ่มไม่มากหากเทียบกับรถจักรยาน แต่ HPT จะมุ่งเน้นไปในเรื่องของการเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น จากเดิมที่มีการผลิตและจำหน่ายยางที่ต้องใช้ยางใน หรือ TT (Tubetype) เป็นส่วนใหญ่ ก็จะขยายไปสู่การผลิตและจำหน่ายยางที่ไม่ต้องใช้ยางใน (Tubeless) ซึ่งให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่ดีกว่าในทุกๆ ด้าน และยังมีความปลอดภัยกว่า รวมถึงตลาดของยาง TL ก็มีการเตโต เมื่อเทียบกับยางที่ต้องใช้ยางใน หรือ TT (Tubetype) มากกว่า 1 เท่า

นอกจากนี้ ก็อยู่ระหว่างศึกษาการขยายไลน์ผลิตไปสู่ยางรถจักรยานยนตร์ไฟฟ้า (E-Bike) ที่มองว่าจะเป็นเทรนในอนาคตอีกด้วย เนื่องจากปัจจุบันตลาดรถจักรยานยนต์ในต่างประเทศ จะเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากันเกือบหมดแล้ว

ส่วนความคืบหน้าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชา กัญชง ขณะนี้ได้ยื่นขอใบอนุญาตกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และได้ส่งตัวอย่างไปยังเจ้าหน้าที่แล้วด้วย ซึ่งอยู่ในช่วงการรอการอนุมัติ เพื่อผลิตออกสู่ตลาดในลำดับต่อไป

นายจวง จื้อ เหยา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเป้าหมายผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทยังคงคาดการณ์รายได้จะเติบโต 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 2.7 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 412.62 ล้านบาท โดยจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ให้อยู่ที่ระดับ 22-24% ใกล้เคียงปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23% โดยครึ่งปีแรกมีรายได้รวมแล้วกว่า 1.58 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 259.34 ล้านบาท ขณะที่คาดครึ่งปีหลังนี้ก็น่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรกจากช่วงที่ผ่านมาได้มีการสต๊อกสินค้าไว้รองรับตลาดที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นสต็อกที่มีคำสั่งออเดอร์ของลูกค้าเกือบทั้งหมด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ส.ค. 64)

Tags: , , , , , , ,