S&P เตือนสหรัฐเสี่ยงถูกลดเครดิตสู่ระดับต่ำสุด หากรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้

เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) เตือนว่า ตลาดการเงินอาจได้รับผลกระทบรุนแรงหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ และอาจทำให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ดี S&P คาดว่าในท้ายที่สุดแล้ว สภาคองเกรสจะสามารถแก้ปัญหาเพดานหนี้ได้ทันเวลา

“หากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ ก็ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับประเทศรายใหญ่ในกลุ่ม G7 อย่างสหรัฐ”

S&P ระบุ

นายจอยดีป มัคเฮอร์จี นักวิเคราะห์ของ S&P เตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้อาจส่งผลให้สหรัฐถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับ D ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด

“S&P จะดำเนินการกับสหรัฐเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ที่ผิดนัดชำระหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ดอกเบี้ยพันธบัตรกระทรวงการคลัง, ตราสารหนี้ หรือพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งหากเกิดสถานการณ์เหล่านี้ อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐก็จะถูกปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุด”

นายมัคเฮอร์จีกล่าว

นายมัคเฮอร์จียังกล่าวด้วยว่า โดยปกติแล้วการผิดนัดชำระหนี้มักจะมีสาเหตุมาจากความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการเงิน นอกจากนี้ ปัจจัยด้านการเมืองก็เป็นแรงขับเคลื่อนการอภิปรายเรื่องเพดานหนี้ในสหรัฐ

ในเดือนส.ค.ปี 2554 นั้น S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับสูงสุดที่ AAA เนื่องจากรัฐบาลในยุคของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เผชิญปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงมาก และสภาคองเกรสในสมัยนั้นมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้

หนี้สาธารณะ (Sovereign Debt) หมายถึงเงินที่รัฐบาลกู้ยืมมาจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศในภาวะที่รัฐมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย การก่อหนี้ของรัฐบาลจึงมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยทั่วไปแล้ว หากมูลค่าหนี้สาธารณะของประเทศใดสูงใกล้ระดับ 90% ของ GDP ของประเทศ ก็ถือว่าประเทศนั้นมีความเสี่ยงและมีปัญหาในการชำระหนี้ แต่หนี้สาธารณะของสหรัฐในยุคของปธน.โอบามาอยู่ที่ระดับสูงถึง 93% ของ GDP จึงทำให้เกิดกระแสความตื่นตระหนกไปทั่วโลกในเวลานั้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 64)

Tags: , , , , , ,