WHA-AMATA ปรับขึ้นรับมาตรการรัฐดึงต่างชาติเข้าลงทุน,แนวโน้มนิคมสัญญาณดี

ราคา WHA และ AMATA ปรับขึ้นรับมาตรการภาครัฐดึงต่างชาติเข้าลงทุนในไทย และแนวโน้มยอดขายที่ในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเริ่มกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 4/64 ถึงปี 65 หลังคาดการเดินทางระหว่างประเทศจะกลับมาได้มากขึ้น

  • หุ้น WHA ปรับขึ้น 2.53% หรือเพิ่มขึ้น 0.08 บาท มาที่ 3.24 บาท มูลค่าซื้อขาย 261.59 ล้านบาท จากเปิดตลาดที่ 3.18 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 3.24 บาท ต่ำสุดที่ 3.16 บาท
  • หุ้น AMATA ปรับขึ้น 2.78% หรือเพิ่มขึ้น 0.50 บาท มาที่ 18.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 248.43 ล้านบาท จากเปิดตลาดที่ 18.10 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 18.60 บาท ต่ำสุดที่ 18.00 บาท

วานนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงให้เข้ามาอยู่ประเทศไทยในลักษณะผู้พำนักระยะยาว (long-term stay) เพื่อเร่งให้เกิดการใช้จ่ายและการลงทุนมากขึ้น และทำให้ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ กระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ บรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบ

ขณะที่ บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คงน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม “เท่ากับตลาด” จากแนวโน้มยอด presale และ transfer เริ่มกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 4/64 และต่อเนื่องปี 65 หนุนโดยการคลาย lockdown และการเดินทางระหว่างประเทศที่คาดว่าจะดีขึ้น , การลงทุนโครงการพื้นฐานของภาครัฐเพิ่มขึ้น, สภาพเศรษฐกิจ และ FDI ที่คาดว่าจะกลับมายังขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยหนุนให้ผลการดาเนินงานของธุรกิจนิคมฯเพิ่มขึ้น

Top pick คือ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 3.60 บาท อิง 64 PBV ที่ 1.8x (-0.5SD below 5-yr average PBV) จากแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/64 จะขยายตัว QoQ หนุนโดย 1)

การรับรู้รายได้จากการขายทรัพย์เข้า WHART คาดที่ 4.40 พันล้านบาท (สูงกว่าที่ขายในปี 63 ที่ 2.05 พันล้านบาท), 2) รายได้จากการขายน้ำเพิ่มขึ้น จากการเปิด COD โรงงานใหม่ของลูกค้ากลุ่ม Petrochemical และ 3) มีส่วนแบ่งทางการตลาดของยอด presale ในประเทศช่วง 6 เดือนแรกปี 64 ที่สูงที่ 65%

โดยกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมมองเป็นลบเล็กน้อยจากนิคมในเวียดนามที่ยอด transfer จะปรับตัวลง และมีโอกาสเลื่อนการรับรู้ไปเป็นปี 2565 จากการขยายระยะเวลา lockdown เพิ่มขึ้นเป็นสิ้นเดือน ก.ย. จากเดิม 15 ก.ย. ทำให้มีการควบคุมการเดินทางทั้งในและต่างประเทศที่เข้มงวดขึ้น รวมทั้งแนวโน้มที่เศรษฐกิจในเวียดนามจะขยายตัวต่ำถึงหดตัวจากยอด IIP และ Realized investment capital เดือน ส.ค. ที่ปรับตัวลง -7% YoY/-25% YoY รวมทั้ง 8M21 FDI ที่หดตัว -2% YoY

ประเมิน downside risk ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ของ AMATA และ WHA ที่ -6%/-1% จากยอด transfer ที่จะต่ำกว่าคาด (AMATA และ WHA ลดลงประมาณ 143 ไร่ และ 23 ไร่) ในขณะที่เราประเมินว่านิคมในประเทศเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจาก 1) 6M21 BOI Approval ที่ +24% YoY ซึ่งช่วยหนุนยอด transfer (ปกติบริษัทจะส่งมอบ และโอนที่ดินภายหลังที่ได้รับการอนุมัติจาก BOI ประมาณ 3 เดือน) และ 2) อัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันจำนวนผู้ที่ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มเพิ่มขึ้นเป็น 38%

WHA จะได้รับผลกระทบที่จำกัด หรือคิดเป็น downside risk ต่อประมาณการกำไรปี 64 ที่ -1% จากยอด transfer ที่ต่ากว่าคาด (เราคาดที่ 103 ไร่, 1H21 โอนแล้ว 80 ไร่) ทั้งนี้ WHA ได้ปรับลดเป้ายอด presale ปี 64E ลงเป็น 820 ไร่ (ไทย 750 ไร่ เวียดนาม 70 ไร่) จากเดิมที่ 1,030 ไร่ (เราคาดที่ 500 ไร่) โดยเป็นผลของการ lockdown เวียดนาม และภาครัฐได้เน้นการควบคุมการระบาดของโควิด-19 เป็นหลัก ทำให้ WHA ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างนิคม Nghe Ah phase 1B ที่ล่าช้า

ส่วนนิคมในไทยเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น คาดยอด transfer ในประเทศจะกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 4/64 จาก 1) 6M21 BOI Approval ขยายตัวที่ +24% YoY สะท้อนให้เห็นถึงยอด transfer ที่จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปกติบริษัทจะส่งมอบ และโอนที่ดินภายหลังที่ได้รับการอนุมัติจาก BOI ประมาณ 3 เดือน และ 2) อัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันจำนวนผู้ที่ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มเพิ่มขึ้นเป็น 38% ด้านยอด presale คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูง หนุนโดย 1) รับผลบวกจากการ relocation จากจีน และ 2) ยอดการขอ BOI 6M21 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า +158% YoY

ส่วน AMATA ประเมินว่าจะได้รับผลกระทบสูง คาด downside risk ต่อประมาณการกำไรปี 64 ที่ -6% จากยอด transfer ของนิคม AMATA Halong (บริษัทคาดว่าจะสามารถโอนได้ใน H2/64E จำนวน 200 ไร่ ขณะที่เราคาดโอน 143 ไร่) ที่มีโอกาสเลื่อนการรับรู้เป็น 65E จากสถานการณ์ในเวียดนามที่ยังไม่ดีขึ้นอย่างเด่นชัด แม้ว่ารัฐบาลเวียดนามเตรียมที่จะขอเสนอการคลาย lockdown สำหรับการเดินทางในประเทศ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 64)

Tags: , , , , ,