นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 (ก.ค.-ธ.ค.67) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พร้อมกันนี้ กระทรวงการคลัง ได้ให้ความเห็น และข้อเสนอแนะต่อรายงานดังกล่าว ใน 4 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ให้มีการสอดประสานกันระหว่างนโยบายการเงิน และนโยบายการคลังให้มากขึ้น โดยในฐานะที่กระทรวงการคลัง ดูแลเรื่องมาตรการทางการคลัง และ ธปท. ดูแลมาตรการทางการเงิน
“ดังนั้น ควรพิจารณาร่วมกันในภาพใหญ่ และต้องมีนโยบายที่สอดประสานกันในหลาย ๆ มิติ เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” นายเผ่าภูมิระบุ
2. ให้ดูแลเรื่องอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย ตามที่ได้มีการหารือกันในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำจนถึงติดลบ
“สิ่งที่ต้องดำเนินการ คือ ทำให้ในส่วนนี้เป็นไปตามกรอบเป้าหมาย ส่วนวิธีการว่าจะต้องทำอย่างไรนั้น เชื่อว่าเรื่องนี้ ธปท. รู้ดีอยู่แล้ว” รมช.คลัง กล่าว
3. ให้พิจารณาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
4. ให้พิจารณาสินเชื่อ และสภาพคล่อง เพื่อให้มีการปล่อยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้มากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันจะเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น จึงอาจเป็นผลให้สถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
“เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ หากหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่รีบทำอะไรเลย สถาบันการเงินก็จะจำกัดการปล่อยสินเชื่อโดยอัตโนมัติ อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจให้มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น” นายเผ่าภูมิ กล่าว
รมช.คลัง ระบุว่า ข้อเสนอแนะดังกล่าว ไม่ได้มุ่งแทรกแซงการทำงานของ กนง. หรือ ธปท. โดยเฉพาะในเรื่องอิสระในการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ย และไม่ใช่การสั่งว่าใครต้องทำอะไร เพียงแค่ต้องการให้มองการทำงานที่สอดคล้องกันเป็นภาพใหญ่ และหลายมิติมากขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้
“เราอยู่ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลมาตรการด้านการคลัง ส่วนเขา (ธปท.) ดูแลมาตรการด้านการเงิน เราแค่อยากให้มองร่วมกันในภาพใหญ่ อยากเห็นการทำงานให้สอดคล้องกัน ในภาพรวมมากขึ้นหลายมิติ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้จริง” รมช.คลัง ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 68)