จับตาโควิด-19 “NB.1.8.1” แพร่เร็วแต่ไม่รุนแรง ขึ้นแท่นสายพันธุ์หลัก

นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์ของไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทยว่า ผลจากการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด-19 ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่เดือนม.ค.-พ.ค. 68 พบสายพันธุ์โอมิครอน JN.1*, KP.3.1.1*, KP.3*, LP.8.1*, NB.1.8.1, Other, และ XEC* ข้อมูลที่น่าสนใจคือ NB.1.8.1 กลายเป็นสายพันธุ์หลักอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนเม.ย. และพ.ค. ขณะที่สายพันธุ์ XEC* และ JN.1* มีสัดส่วนลดลง ดังนี้

  • NB.1.8.1: ไม่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้ในเดือนม.ค.-มี.ค. แต่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนเม.ย. (43 ราย) และพ.ค. (167 ราย) จำนวนผู้ติดเชื้อรวม 210 ราย
  • JN.1*: พบมากที่สุดในเดือนม.ค. (17 ราย) แต่จำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเหลือเพียง 5 รายในเดือนพ.ค.
  • XEC*: จำนวนผู้ติดเชื้อค่อนข้างคงที่ในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย. แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนพ.ค.
  • สายพันธุ์อื่น ๆ: (KP.3.1.1*, KP.3*, LP.8.1*, Other) มีจำนวนผู้ติดเชื้อน้อย

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงให้ความสำคัญกับการติดตามสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง (Variants of Interest: VOI) อย่าง JN.1* และสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง (Variants under Monitoring: VUM) อีก 6 สายพันธุ์ ได้แก่ KP.3*, KP.3.1.1*, LB.1*, XEC*, LP.8.1* และ NB.1.8.1

โดยสัดส่วนของสายพันธุ์โอมิครอนทั่วโลก อ้างอิงข้อมูลจากฐานข้อมูลกลาง GISAID ระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-27 เม.ย. 68 พบว่า

  • LP.8.1* มีสัดส่วนสูงที่สุดในสัปดาห์ที่ 14 (42.0%) แต่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์ที่ 17 (39.0%)
  • NB.1.8.1 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ 14 (2.5%) จนถึงสัปดาห์ที่ 17 (10.7%)
  • XEC* มีสัดส่วนลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ 14 (22.3%) จนถึงสัปดาห์ที่ 17 (17.8%)

นพ.ยงยศ กล่าวว่า NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน มีต้นกำเนิดมาจากสายพันธุ์ลูกผสม XDV.1.5.1 โดยพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 68 ปัจจุบัน NB.1.8.1 พบใน 22 ประเทศทั่วโลก จำนวนลำดับพันธุกรรมที่พบ 518 ราย ยังน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ

ทั้งนี้ สิ่งที่น่าสนใจ คือสัดส่วนของ NB.1.8.1 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าสายพันธุ์นี้กำลังแพร่หลายมากขึ้น และเมื่อวันที่ 23 พ.ค.68 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศให้ NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง

โดยสิ่งที่ทำให้ NB.1.8.1 น่าจับตาคือมีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งโปรตีนหนามหลายจุดที่เพิ่มเติมจากสายพันธุ์ JN.1 รวม 7 ตำแหน่ง ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการแพร่กระจาย และหลบหลีกภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีข้อมูลว่า NB.1.8.1 อาจจะแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น และหลบภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าทำให้เกิดโรครุนแรงมากขึ้น

“กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเครือข่าย ยังคงเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง โดยรวบรวมตัวอย่างจากทั่วประเทศตรวจหาสารพันธุกรรมถอดรหัสจีโนม และเผยแพร่ข้อมูลผ่าน GISAID อย่างสม่ำเสมอ การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ช่วยให้ห้องปฏิบัติการพร้อมรับมือการระบาดในอนาคต อย่งไรก็ดี สิ่งสำคัญคือการป้องกันตนเองสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อย ๆ ความรุนแรงของโรค ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันและสุขภาพส่วนบุคคล ไม่ใช่จำเพาะกับสายพันธุ์เท่านั้น ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด” นพ.ยงยศ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ค. 68)

Tags: , ,