กระทรวงการต่างประเทศจีนออกโรงวิจารณ์อย่างรุนแรงต่อมาตรการของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เตรียมเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีนที่กำลังศึกษาในสหรัฐฯ
เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงต่อสื่อมวลชนในวันนี้ (29 พ.ค.) ว่า สหรัฐฯ ใช้เหตุผลด้านอุดมการณ์และความมั่นคงของชาติเป็นข้ออ้างในการตัดสินใจครั้งนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างเลี่ยงไม่ได้
เหมา หนิง ระบุว่า การกระทำที่แฝงไปด้วยเจตนาทางการเมืองและการเลือกปฏิบัติของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นความหน้าไหว้หลังหลอก เพราะในขณะที่สหรัฐฯ อวดอ้างถึงเสรีภาพและความเปิดกว้าง แต่กลับทำในสิ่งที่ย้อนแย้งกัน ซึ่งจะทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศเสียเอง
ก่อนหน้านี้ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาด” ในการเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีน ซึ่งรวมถึงนักศึกษาที่มีความสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน และนักศึกษาในสาขาวิชาที่อ่อนไหว โดยสหรัฐฯ จะปรับเกณฑ์การขอวีซ่าใหม่ เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบคำร้องขอวีซ่าทั้งหมดที่มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและเขตบริหารพิเศษฮ่องกงในอนาคต
ทั้งนี้ บุตรหลานของสมาชิกระดับสูงในพรรคคอมมิวนิสต์จีนจำนวนมากเคยศึกษาที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ โดยมีรายงานว่าบุตรสาวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 2557 แม้เธอจะใช้นามแฝงระหว่างศึกษาอยู่ก็ตาม
ข้อมูลจากโครงการ Open Doors ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ในปีการศึกษา 2566-2567 จีนเป็นประเทศที่มีจำนวนนักศึกษาในสหรัฐฯ มากเป็นอันดับสอง เป็นรองแค่อินเดียที่เพิ่งขึ้นมาครองอันดับหนึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 โดยมีนักศึกษาจีนจำนวน 277,398 คนในสหรัฐฯ คิดเป็นหนึ่งในสี่ของนักศึกษาต่างชาติทั้งหมดในปีการศึกษาดังกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ค. 68)
Tags: กระทรวงการต่างประเทศ, จีน, นักศึกษาจีน, วีซ่านักท่องเที่ยว, สหรัฐ, โดนัลด์ ทรัมป์