จีนส่งออกไปสหรัฐฯ ลดฮวบ 34.5% ในเดือนพ.ค. หนักสุดในรอบกว่า 5 ปี

ยอดส่งออกสินค้าจากจีนไปยังสหรัฐฯ ทรุดตัวลง 34.5% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยอดส่งออกโดยรวมของจีนขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ค. ขณะที่ยอดนำเข้าจากสหรัฐฯ ลดลงกว่า 18% ส่งผลให้จีนเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ลดลง 41.55% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ยอดส่งออกโดยรวมของจีนในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 4.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5% และชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้น 8.1% แม้จีนและสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราว ซึ่งกระตุ้นให้ภาคธุรกิจเร่งจัดส่งสินค้าให้ทันก่อนที่การระงับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วันจะหมดอายุลง

ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยที่เกิดจากการบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวระหว่างจีนและสหรัฐฯ นั้น คาดว่าจะปรากฏให้เห็นในข้อมูลการส่งออกประจำเดือนมิ.ย.ของจีน

ส่วนยอดนำเข้าร่วงลง 3.4% ในเดือนพ.ค. ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.9% โดยยอดนำเข้าของจีนปรับตัวลงต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอลง ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าโดยรวมเพิ่มขึ้น 25% ในเดือนพ.ค. แตะที่ระดับ 1.032 แสนล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกันการส่งออกจากจีนไปยังประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทะยานขึ้นเกือบ 15% ในเดือนพ.ค. ส่วนการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) เพิ่มขึ้น 12% และส่งออกไปยังแอฟริกาพุ่งขึ้นกว่า 33%

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้บรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวในระหว่างการพบปะเจรจาที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงต้นเดือนพ.ค. โดยเห็นพ้องให้ปรับลดภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากสินค้าจีนลงเหลือ 30% จากเดิม 145% และลดภาษีศุลกากรที่จีนเรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ ลงเหลือ 10% จากเดิม 125%

ทั้งนี้ คาดว่ารองนายกรัฐมนตรีเหอจะพบปะกับทีมเจรจาการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งนำโดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ที่กรุงลอนดอนในวันนี้ เพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่ โดยการเจรจารอบที่สองนี้มีขึ้นหลังจากความตึงเครียดปะทุขึ้นอีกครั้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าละเมิดข้อตกลงการค้าที่เจนีวา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 68)

Tags: , ,