มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า ดัชนีดอลลาร์ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งของค่าเงินดอลลาร์เทียบกับเงินสกุลหลัก อาจลดลงอีกราว 9% จากระดับปัจจุบันภายในกลางปี 2569 โดยเป็นการอ่อนค่าต่อเนื่องจากแนวโน้มการอ่อนค่าที่เริ่มขึ้นแล้วจากแรงกดดันด้านนโยบายการค้าและแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง
มอร์แกน สแตนลีย์ประเมินว่า ยูโร เยน และฟรังก์สวิสจะเป็นสกุลเงินที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ เนื่องจากทั้งหมดเป็นคู่แข่งสำคัญในฐานะสกุลเงินปลอดภัยที่นักลงทุนทั่วโลกใช้เป็นทางเลือก นอกจากนี้ ยูโรมีแนวโน้มแข็งค่าจากระดับประมาณ 1.13 ดอลลาร์ในปัจจุบัน ไปแตะ 1.25 ดอลลาร์ในปีหน้า ส่วนเงินปอนด์ก็อาจขยับจาก 1.35 ไปถึง 1.45 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากผลตอบแทนที่น่าสนใจและความเสี่ยงทางการค้าของอังกฤษที่ต่ำ ขณะที่เงินเยนมีโอกาสแข็งค่าจาก 143 เยนต่อดอลลาร์ ไปสู่ระดับ 130 เยน
รายงานเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ของมอร์แกน สแตนลีย์ยังระบุว่า ตลาดกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ทั้งในแง่ของอัตราดอกเบี้ยและทิศทางค่าเงิน โดยหลังจากปรับตัวผันผวนในกรอบกว้างตลอดสองปีที่ผ่านมา ขณะนี้ตลาดเริ่มเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง และเส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร (yield curve) จะชันขึ้นตามลำดับ
สัญญาณการอ่อนค่าของดอลลาร์เกิดขึ้นแล้วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์ลดลงเกือบ 10% จากจุดสูงสุดเมื่อเดือนก.พ. สาเหตุหลักมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจและสินทรัพย์ของสหรัฐฯ และทำให้เกิดการตั้งคำถามใหม่ต่อสถานะของดอลลาร์ในฐานะเงินสกุลหลักของโลก
บรรดานักกลยุทธ์จากสถาบันการเงินต่าง ๆ เริ่มแสดงความเห็นสอดคล้องกันมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มขาลงของดอลลาร์ โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มนักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส ก็แนะนำให้นักลงทุนลดน้ำหนักการถือครองดอลลาร์ และหันไปลงทุนในเงินเยน ยูโร และดอลลาร์ออสเตรเลียแทน
แม้กระแสคาดการณ์แนวโน้มอ่อนค่าของดอลลาร์จะเริ่มชัดเจนขึ้น แต่ข้อมูลจากคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) ชี้ว่า ตลาดยังไม่ได้อยู่ในภาวะขายดอลลาร์อย่างรุนแรงในระดับที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ดอลลาร์สหรัฐฯ ยังอาจอ่อนค่าลงได้อีก
นอกจากค่าเงินแล้ว มอร์แกน สแตนลีย์ยังประเมินว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4% ภายในสิ้นปีนี้ ก่อนจะลดลงอย่างมากในปีหน้า เนื่องจากเฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยลงรวม 1.75% เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มิ.ย. 68)
Tags: การค้า, ดอลลาร์สหรัฐ, มอร์แกน สแตนลีย์, สหรัฐ, อัตราดอกเบี้ย