ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (7 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มชิปในช่วงท้ายตลาด หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนที่จะยกเลิกการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงมติการประชุม
- ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,113.97 จุด เพิ่มขึ้น 284.97 จุด หรือ +0.70%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,631.28 จุด เพิ่มขึ้น 24.37 จุด หรือ +0.43% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,738.16 จุด เพิ่มขึ้น 48.50 จุด หรือ +0.27%
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิปในช่วงท้ายตลาด หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลของปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะยกเลิกการควบคุมการส่งออกชิป AI โดยรายงานดังกล่าวได้รับการยืนยันโดยโฆษกกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ และเป็นปัจจัยหนุนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (PHLX Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 1.7%
ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะพบปะกับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่สวิตเซอร์แลนด์ในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นภาษีศุลกากรและการค้า ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า
อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนในระหว่างวัน หลังจากคณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25-4.50% ตามคาด แต่ได้เตือนถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจ และความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยควบคู่กับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น (Stagflation)
แถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดระบุว่า “ความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคณะกรรมการเฟดยังคงให้ความสนใจกับความเสี่ยงที่จะมีต่อภารกิจ Dual Mandate ของเฟด คือการจ้างงานที่ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% โดยคณะกรรมการประเมินว่ามีความเสี่ยงมากขึ้นที่อัตราว่างงานและเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น ส่วนในการพิจารณาเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยในอนาคตนั้น คณะกรรมการจะใช้ความระมัดระวังในการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจ และเตรียมความพร้อมเพื่อปรับแนวทางนโยบายการเงินตามความเหมาะสม หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เฟดไม่สามารถบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ”
ทางด้านเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวภายหลังการประชุมว่า ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและภาคธุรกิจ แต่เขามองว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง พร้อมกับกล่าวว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังคงมีเป็นไปได้หากมีข้อมูลเศรษฐกิจสนับสนุน แต่เฟดไม่สามารถตัดสินใจล่วงหน้าเกี่ยวกับนโยบายการเงินได้ จนกว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะมีความชัดเจนมากขึ้น
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 1.02% ตามด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 0.9% ส่วนหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารร่วงลงมากที่สุด โดยดิ่งลง 1.84% ตามด้วยหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลง 0.5%
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ (Walt Disney) ทะยานขึ้น 10.8% และเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ค. 68)
Tags: dowjones, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก