ดาวโจนส์ปิดบวก 443.13 จุด ขานรับตัวเลขจ้างงานดีกว่าคาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (6 มิ.ย.) หลังจากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดีกว่าคาดได้ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่หุ้นเทสลา (Tesla) ดีดตัวขึ้นบางส่วนหลังจากดิ่งลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดี ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 6,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้น

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,762.87 จุด เพิ่มขึ้น 443.13 จุด หรือ +1.05%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,000.36 จุด เพิ่มขึ้น 61.06 จุด หรือ +1.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,529.95 จุด เพิ่มขึ้น 231.50 จุด หรือ +1.20%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.17%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.5% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.18%

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มหลักในดัชนี S&P500 ปิดบวกทั้งหมด โดยกลุ่มพลังงานและกลุ่มบริการสื่อสารปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.98% และ 1.88% ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานปรับขึ้นน้อยที่สุดเพียง 0.18%

นักลงทุนขานรับเชิงบวกกับรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรี 3 คนจะพบปะกับตัวแทนจีนที่กรุงลอนดอนในวันที่ 9 มิ.ย. เพื่อหารือข้อตกลงการค้า

เมื่อวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ได้พูดคุยกันหลังจากเกิดความตึงเครียดด้านการค้ามานานหลายสัปดาห์ รวมถึงข้อพิพาทเกี่ยวกับแร่หายาก แต่ประเด็นสำคัญต่าง ๆ ยังคงต้องรอการเจรจาในอนาคต

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 139,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้นเพียง 130,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 4.2% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์

หลังจากการรายงานข้อมูลนี้ บรรดานักลงทุนประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังไม่จำเป็นต้องรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และอาจมีการลดอีกครั้งภายในเดือนธ.ค. โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดจะประชุมกันในปลายเดือนนี้

นักวิเคราะห์รายหนึ่งคาดว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ และตลาดแรงงานต้องอ่อนแอลงมากกว่านี้เฟดจึงจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยลงอีก

ก่อนหน้านี้ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนและดัชนีภาคบริการที่อ่อนแอกว่าคาดได้เพิ่มความกังวลว่า ความไม่แน่นอนด้านการค้าอาจกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ในเดือนพ.ค. ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566 โดยได้ปัจจัยหนุนจากท่าทีด้านการค้าของทรัมป์ที่อ่อนลง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง

ในวันศุกร์ ดัชนี S&P500 แตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือน แต่ยังอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดในเดือนก.พ.เพียงเล็กน้อยไม่ถึง 2% ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนเช่นกัน

หุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 3.8% หลังจากร่วงลงประมาณ 15% ในวันพฤหัสบดีจากความขัดแย้งระหว่างทรัมป์และอีลอน มัสก์ รวมถึงการขู่ตัดสัญญาของรัฐบาลสหรัฐฯ กับบริษัทในเครือของมัสก์

หุ้นบิ๊กแคปตัวอื่น ๆ ก็ปรับขึ้นเช่นกัน อาทิ อะเมซอน (Amazon) พุ่งขึ้น 2.7% และหุ้นอัลฟาเบท (Alphabet) ทะยานขึ้น 3.25%

หุ้นเวลส์ ฟาร์โก (Wells Fargo) พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารจาก “คงที่” เป็น “เชิงบวก” โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารรายนี้เพิ่งได้รับการยกเลิกข้อจำกัดเรื่องเพดานขนาดทรัพย์สินมูลค่า 1.95 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มิ.ย. 68)

Tags: ,