ดาวโจนส์ปิดลบ 114.83 จุด วิตกหนี้รัฐบาล-บอนด์ยีลด์พุ่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (20 พ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,677.24 จุด ลดลง 114.83 จุด หรือ -0.27%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,940.46 จุด ลดลง 23.14 จุด หรือ -0.39% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,142.71 จุด ลดลง 72.75 จุด หรือ -0.38%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.481% ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาด เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรส่งผลให้ชาวอเมริกันต้องแบกรับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัย รถยนต์ และอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิต ต่างก็ปรับตัวขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปยังรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ เพื่อโน้มน้าวสมาชิกพรรครีพับลิกันให้ผ่านร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่า การปรับลดอัตราภาษีครั้งใหม่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นอีก 3-5 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มูดี้ส์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐ จากระดับ Aaa สู่ระดับ Aa1 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 พ.ค.) โดยมูดี้ส์ระบุแถลงการณ์ว่า รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯ หลายชุดที่ผ่านมาไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับมาตรการที่จะแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณรายปีจำนวนมากและภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1% ตามด้วยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลง 0.77% ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้น 0.3% และ 0.27% ตามลำดับ

หุ้นโฮม ดีโปท์ (Home Depot) ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ปิดตลาดขยับลง 0.6% หลังจากพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน โดยได้แรงหนุนจากการที่บริษัทเปิดเผยรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 1 ขณะที่ริชาร์ด แมคเฟล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของโฮม ดีโปท์ กล่าวว่าบริษัทไม่มีแผนที่จะปรับขึ้นราคาสินค้าแม้ปธน.ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากร

หุ้นเทสลา (Tesla) ดีดตัวขึ้น 0.51% หลังจากอีลอน มัสก์ ประกาศในการประชุมเศรษฐกิจที่ประกาศกาตาร์ว่า เขาให้คำมั่นว่าจะยังคงดำรงตำแหน่งซีอีโอของเทสลาต่ออีก 5 ปี เพื่อดูแลธุรกิจของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ

นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดเพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดบ่งชี้ว่านักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ภายในสิ้นปีนี้ โดยคาดว่าการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนก.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ค. 68)

Tags: , , ,