กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เปิดประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 20 ปี วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ได้รับการตอบรับที่อ่อนแอเกินคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนมากขึ้นว่านักลงทุนกำลังหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์สหรัฐฯ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหนี้สินที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลสหรัฐฯ
ความต้องการพันธบัตรโดยรวมในการประมูลครั้งนี้อยู่ที่ 2.46 เท่าของจำนวนพันธบัตรที่เสนอขาย ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย และถือเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. โดยหลังการประมูลเสร็จสิ้นลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 20 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.127% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566
ผลการประมูลพันธบัตรที่อ่อนแอสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนต่างก็วิตกกังวลว่าหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้น หากสภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่นำเสนอโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยขณะนี้ปธน.ทรัมป์พยายามโน้มน้าวสมาชิกพรรครีพับลิกันให้โหวตสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว
ร่างกฎหมายปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลถือเป็นการสานต่อกฎหมายปฏิรูปภาษีปี 2560 ซึ่งเป็นผลงานสำคัญของปธน.ทรัมป์ขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก แต่นักวิเคราะห์เตือนว่า การปรับลดอัตราภาษีครั้งใหม่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นอีก 3-5 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากปัญหาหนี้สินของรัฐบาลแล้ว นักลงทุนยังกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรที่ไม่แน่นอนของปธน.ทรัมป์ไม่เพียงแต่จะกระตุ้นให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเท่านั้น แต่จะบั่นทอนความต้องการลงทุนในสินทรัพย์สหรัฐฯ ด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 68)
Tags: กระทรวงการคลังสหรัฐ, นักลงทุน, พันธบัตรรัฐบาล, รัฐบาลสหรัฐ, สหรัฐ