ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร (3 มิ.ย.) ท่ามกลางแรงกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และความกังวลด้านการค้าระหว่างประเทศที่ยังคงดำเนินอยู่
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 548.44 จุด เพิ่มขึ้น 0.52 จุด หรือ +0.09%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,763.84 จุด เพิ่มขึ้น 26.64 จุด หรือ +0.34%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,091.62 จุด เพิ่มขึ้น 160.95 จุด หรือ +0.67% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,787.02 จุด เพิ่มขึ้น 12.76 จุด หรือ +0.15%
ในด้านเศรษฐกิจ ข้อมูลเงินเฟ้อที่ลดลงทั่วทั้งยูโรโซน ซึ่งขณะนี้อยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) อย่างชัดเจน ได้เพิ่มความคาดหวังว่า ECB จะปรับนโยบายการเงินให้ผ่อนคลายลงอย่างจริงจัง
ECB ได้ลดดอกเบี้ยไปแล้ว 7 ครั้งตั้งแต่นับเดือนมิ.ย. 2567 และตลาดได้คาดการณ์ไว้เกือบแน่นอนว่า ECB จะลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในวันพฤหัสบดีนี้ (5 มิ.ย.) สู่ระดับ 2%
บรรดานักลงทุนคาดว่า ECB จะผ่อนคลายนโยบายต่อไป โดยน่าจะลดดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย 0.55% หรือ 2 ครั้ง (รวมวันพฤหัสบดีนี้) ภายในสิ้นปีนี้
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแรงกดดันด้านราคาที่ลดลงในเดือนพ.ค. ทำให้ ECB มีพื้นที่ในการดำเนินนโยบายมากขึ้น และสนับสนุนการคาดการณ์ของตลาดว่า จะมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพ.ค.ของสวิตเซอร์แลนด์บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะเงินฝืดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
ในอีกด้านหนึ่ง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของเนเธอร์แลนด์พุ่งแตะระดับสูงสุดของวันที่ 2.745% ท่ามกลางการเทขายอย่างหนัก หลังเกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ล่มสลายลง
กรณีนี้เกิดขึ้นหลัง เกียร์ต วิลเดอร์ส ผู้นำพรรคขวาจัดถอนพรรคออกจากรัฐบาลผสม ซึ่งอาจนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด
ประเด็นความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด โดยถูกซ้ำเติมจากกรณีการดำเนินคดีทางกฎหมายเกี่ยวกับการกำหนดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจน หลัง รัฐบาลสหรัฐฯ ยื่นอุทธรณ์เพื่อขอระงับคำตัดสินของศาลการค้าซึ่งคัดค้านการกำหนดภาษีบางรายการ
ความกังวลดังกล่าวยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปารีส ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยชี้ว่า สงครามการค้าที่ทรัมป์ดำเนินอยู่นั้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไม่สมดุลและมากขึ้นเรื่อยๆ
รายงานข่าวระบุว่า ทำเนียบขาวได้เรียกร้องให้พันธมิตรส่งข้อเสนอการค้าที่จริงจังที่สุดภายในวันพุธนี้ (4 มิ.ย.) ขณะเดียวกัน มีการคาดหมายว่า ทรัมป์จะสนทนาทางโทรศัพท์กับสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1% มากที่สุดในบรรดากลุ่มอุตสาหกรรม เนื่องจากราคาน้ำมันดีดตัวเกือบ 1%
ดัชนีหุ้นกลุ่มสื่อร่วงลง 1.1% ต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า และกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน ลดลง 0.8% สอดคล้องกับราคาทองแดงที่อ่อนตัวลง
ในบรรดาหุ้นรายตัวนั้น หุ้นในกลุ่มเฮลท์แคร์เป็นปัจจัยฉุดตลาดมากที่สุด โดยหุ้นจีเอสเค (GSK) ร่วง 2.1% หลังเบเรนเบิร์ก (Berenberg) ปรับลดคำแนะนำลงทุนจาก “ซื้อ” เป็น “ถือ”
ขณะที่หุ้นธนาคารยูบีเอส (UBS) พุ่งขึ้น 5.3% หลังเจฟเฟอรีส์ (Jefferies) ปรับคำแนะนำลงทุนจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มิ.ย. 68)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป