ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ (21 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราและกลุ่มค้าปลีก ขณะที่นักลงทุนจับตาร่างกฎหมายลดภาษีในสหรัฐฯ
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 553.82 จุด ลดลง 0.20 จุด หรือ -0.04%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,910.49 จุด ลดลง 31.93 จุด หรือ -0.40%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,122.40 จุด เพิ่มขึ้น 86.29 จุด หรือ +0.36% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,786.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.34 จุด หรือ +0.06%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกเป็นกลุ่มที่กดดันตลาดมากที่สุด โดยร่วงลง 0.8%
หุ้นเจดี สปอร์ตส์ (JD Sports) ของอังกฤษร่วงลง 10.6% หลังรายงานว่ายอดขายในไตรมาสแรกลดลง 2% และเตือนว่าราคาสินค้าที่สูงขึ้นในตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ อาจกระทบความต้องการของลูกค้า
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราอย่างแอลวีเอ็มเอช (LVMH), แอร์เมส (Hermes) และเคอริง (Kering) ต่างร่วงลงกว่า 2% หลังบริษัทชาเนล (Chanel) รายงานว่ายอดขายเมื่อเทียบรายปีลดลง 4.3%
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด
หุ้นอินฟินิออน (Infineon) ผู้ผลิตชิปจากเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.3% หลังประกาศความร่วมมือกับอินวิเดีย (Nvidia) เพื่อพัฒนาชิปสำหรับระบบส่งกำลังไฟฟ้าในศูนย์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีโดยรวม
ขณะเดียวกัน ความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการเจรจาการค้าก่อนครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผันภาษี 90 วันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ รวมถึงร่างกฎหมายปรับลดภาษีขนาดใหญ่ ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินของสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ตลาดไม่แน่ใจว่าโดนัลด์ ทรัมป์จะสามารถผลักดันร่างกฎหมายนี้ผ่านไปได้หรือไม่ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเรื่องภาษีและคำถามว่าเงินสำหรับการลดภาษีจะมาจากที่ใด หากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ไม่แข็งแรงเท่าที่คาดไว้ นักลงทุนในยุโรปก็จะยิ่งวิตกมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดัชนี STOXX 600 ฟื้นตัวจากการร่วงลงในเดือนเมษายน และขณะนี้อยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไม่ถึง 3%
ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศปรับตัวขึ้น 0.5% หลังประธานาธิบดีทรัมป์เลือกแบบสำหรับระบบป้องกันขีปนาวุธโกลเดนโดม (Golden Dome) มูลค่า 1.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันอังคาร
ขณะเดียวกัน ข้อมูลเศรษฐกิจระบุว่าอัตราเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นมากกว่าคาดการณ์ โดยเฉพาะในหมวดที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ซึ่งทำให้แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปของธนาคารยิ่งยุ่งยากขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังถูกกดดัน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น หลังประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางไปยังรัฐสภาเพื่อผลักดันร่างกฎหมายลดภาษีที่อาจเพิ่มหนี้รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ระหว่าง 3-5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทางด้านมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ได้ปรับมุมมองต่อหุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปเป็น “น่าลงทุน” โดยระบุถึงแนวโน้มผลกำไรที่ดีขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของปีนี้
อย่างไรก็ตาม หุ้นธนาคารจูเลียส แบร์ (Julius Baer) ของสวิตเซอร์แลนด์ร่วงลง 4.9% หลังบริษัทบันทึกค่าใช้จ่าย 130 ล้านฟรังก์สวิส (156.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากการทบทวนพอร์ตสินเชื่อ และประกาศเปลี่ยนหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารความเสี่ยง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 68)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป