ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นักลงทุนจับตาเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (9 มิ.ย.) ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนลอตใหญ่ ขณะรอผลการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่จัดขึ้นในกรุงลอนดอน

  • ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 553.24 จุด ลดลง 0.40 จุด หรือ -0.07%
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,791.47 จุด ลดลง 13.40 จุด หรือ -0.17%,
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,174.32 จุด ลดลง 130.14 จุด หรือ -0.54% และ
  • ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,832.28 จุด ลดลง 5.63 จุด หรือ -0.06%

ดัชนี STOXX 600 ปิดลดลงเล็กน้อย หลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 4 วัน ซึ่งเป็นสถิติต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ ขณะที่ตลาดหุ้นหลักอื่น ๆ ทั้งหมดปิดลดลงเช่นกัน และการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากตลาดสวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก และนอร์เวย์ ปิดทำการในวันหยุด Whit Monday

หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ปรับตัวลดลงมากที่สุด โดยกลุ่มนี้มักถูกติดตามในฐานะตัวแทนพันธบัตร และแรงกดดันจากพันธบัตรยูโรโซนที่ร่วงลงได้กดดันดัชนีหุ้นกลุ่มนี้เช่นกัน

ขณะที่การประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และจีนกำลังดำเนินอยู่ในกรุงลอนดอน ตลาดต่างมองหาสัญญาณความคืบหน้าที่อาจช่วยคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก

จีนระบุเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า พร้อมจะเร่งกระบวนการตรวจสอบและอนุมัติการส่งออกแร่หายากให้กับบริษัทในสหภาพยุโรป

กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งถือว่าเปราะบางต่อการหยุดชะงักของซัพพลายแร่หายากนั้น มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

สำหรับตลอดสัปดาห์นี้ จะมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของภูมิภาคยุโรปที่สำคัญ เช่น ตัวเลขว่างงานและ GDP ของสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางยุโรป (ECB) รวมถึงอิซาเบล ชนาเบล กรรมการ ECB ก็มีกำหนดการกล่าวสุนทรพจน์ด้วย

ด้านปีเตอร์ คาซิมีร์ ผู้กำหนดนโยบายจาก ECB กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ECB ใกล้จะสิ้นสุดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว และควรเฝ้าดูข้อมูลเศรษฐกิจต่อไปเพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่

ข้อมูลสำคัญที่ตลาดกำลังจับตาในปลายสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์จะใช้เพื่อพิจารณาว่านโยบายภาษีที่ผันผวนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมแล้วหรือไม่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มิ.ย. 68)

Tags: ,