ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าลบตามวอลล์สตรีท นักลงทุนกังวลปัญหาหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ (22 พ.ค.) ตามทิศทางตลาดวอลล์สตรีทที่ดิ่งลงในวันพุธ (21 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า หนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้น หากสภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่นำเสนอโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 36,967.13 จุด ลดลง 331.85 จุด หรือ -0.89%, ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 23,695.88 จุด ลดลง 131.90 จุด หรือ -0.55% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,387.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.05 จุด หรือ 0.002%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 1.36% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียลดลง 0.55%

นักลงทุนจับตาร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่ปธน.ทรัมป์พยายามผลักดันให้ผ่านสภาคองเกรส แต่นักวิเคราะห์เตือนว่า การปรับลดอัตราภาษีครั้งใหม่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นอีก 3-5 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ รัฐบาลสิงคโปร์เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 3.9% ในไตรมาส 1/2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการประมาณในเดือนเม.ย.ที่ระบุว่า GDP ขยายตัว 3.8% ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส GDP ไตรมาส 1 ของสิงคโปร์หดตัวลง 0.6% ซึ่งดีกว่าตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าหดตัว 0.8%

กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ค่าจ้างที่แท้จริงเฉลี่ยต่อเดือนหลังหักผลกระทบเงินเฟ้อ ลดลง 0.5% ในปีงบประมาณ 2567 สิ้นสุดเดือนมี.ค. 2568 นับเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งตอกย้ำว่าแม้เงินเดือนปรับขึ้น แต่ก็ยังไล่ไม่ทันอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นไม่หยุด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 68)

Tags: ,