นายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และประธานกรรมการ กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) กล่าวถึงประเด็นกองทุน Thai ESGX ที่ยังมีเม็ดเงินเข้ามาไม่มากว่า หากเม็ดเงินเข้ากองทุน Thai ESGX น้อยจริง ๆ น่าจะต้องมีการพิจารณาขยายเวลาซื้อขายและสับเปลี่ยนกองทุนจาก LTF มายังกอง Thai ESGX จากที่สิ้นสุด แต่ ณ ปัจจุบันจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น แต่ไม่น่าจะมีการปรับเงื่อนไขอื่น ๆ ของกองทุน
ยอมรับว่า ตลาดทุนไทยเผชิญความท้าทายทั้งปัจจัยภายนอก และปัจจัยในประเทศ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาหนี้ครัวเรือน จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การฉ้อฉลในตลาดทุนในอดีต แรงขาย LTF ที่ครบกำหนด ทำให้ดัชนี SET ยังไม่ไปไหน ดังนั้น CMDF จึงเป็นหน่วยงานสำคัญที่จะต้องเข้ามาส่งเสริม พัฒนา และขับเคลื่อนตลาดให้เผชิญกับความท้าทายในปัจจุบันได้อย่างมั่นคงยั่งยืน
สำหรับความคืบหน้าการเปิดกระดานใหม่เทรดหุ้นกลุ่ม New Economy นั้นยังอยู่ระหว่างการศึกษาตัวอย่างจากประเทศอื่น ๆ ต้องใช้เวลาแต่เชื่อว่าใน 3-4 เดือนจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น แต่กระบวนการอาจะใช้เวลา 1-2 ปี ประธานกรรมการ CDMF กล่าวว่า กองทุน CDMF อาจตั้งกองทุน Maching Fund ขึ้นมาเพื่อลงทุนหุ้นกลุ่ม New Economy เพื่อส่งเสริมสตาร์ทอัพให้นักลงทุนได้รู้จักธุรกิจกลุ่มนี้มากขึ้น
นายกิติพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันข้อมูลบริษัทจดทะเบียนยังไม่สามารถเข้าถึงนักลงทุนได้อย่างทั่วถึง เมื่อไรที่สามารถเข้าถึงได้ก็จะทำให้หนุนการลงทุนบริษัทเหล่านี้ดีขึ้น รวมทั้งการสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี การแพทย์ มาจดทะเบียนให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีการพูดคุยกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ว่าจะกำหนดเงื่อนไขอย่างไรหรือไม่ ในการให้บริษัทเหล่านี้เข้ามาจดทะเบียนในไทยได้ รวมทั้งสตาร์อัพมาสร้างตลาดใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในหลายมิติ แต่ก็พยายามเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
“ก็หวังว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้น่าจะเกิดผล แต่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ความเสี่ยงอะไรอีก ทรัมป์จะมีอะไรใหม่หรือไม่ ยังไม่รู้ … อดทนไว้ ผมว่าต้องใจเย็น ๆ อย่าไป panic รีบขาย”นายกิติพงศ์ กล่าว
สำหรับบทบาทของ CMDF มุ่งสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาระบบนิเวศของตลาดทุนไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการเงินการลงทุน พัฒนา ศักยภาพบุคลากรในตลาดทุน และมีบทบาทในการสนับสนุนการผลักดันกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับแนวโน้มการดำเนิน ธุรกิจการเงินการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป
รวมทั้งยกระดับการทำวิจัยด้านตลาดทุนไทยเพื่อให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินการลงทุนใน รูปแบบใหม่ ๆ มุ่งผลักดันให้ผลการวิจัยถูกนำไปใช้จริง โดยส่งต่อองค์ความรู้และข้อเสนอเชิงนโยบายให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินงานหรือกำหนดแนวทางเชิงปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายจักรชัย บุญยะวัตร ผู้จัดการ CMDF กล่าวว่า กองทุน CDMF เริ่มจัดตั้งโดยได้รับเงินจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 5,700 ล้านบาท และในแต่ละปีมีเงินสะสมเข้ามาจากตลาดหลักทรัพย์อีก เพื่อนำไปพัฒนาตลาดทุน โดยเงินตั้งต้นมีการบริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทุนจากองค์กรภายนอก (Outsource) ซึ่งได้รับผลตอบแทนกลับมาปีละ 4-5% จากการดำเนินงานของกองทุนมา 5 ปี (ปี 63-67) เงินที่มีอยู่ในปัจจุบันประมาณ 500 ล้านบาทที่บริหารจัดการอยู่ และสภาพคล่องประมาณ 300 ล้านบาท เบ็ดเสร็จปัจจุบันมีเงินในกองทุนประมาณ 5,800-5,900 ล้านบาท
ในช่วงปีนี้ถึงปีหน้า CMDF จะมุ่งเน้นการส่งเสริมตลาดทุน 2 ด้านร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ โครงการยกระดับบริษัทจดทะเบียน Jump+ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย CMDF จะสนับสนุนเงินทุนให้กับบริษัทเพื่อเพิ่มมูลค่า ติดอาวุธความรู้ โดยปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่บริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็ก
อีกส่วนคือการสร้าง Financial Wellbeing ซึ่งต้องการส่งเสริมความรู้เรื่องการออมและการลงทุนให้กับคนไทยมากขึ้น สอดคล้องกับโครงการ TISA ซึ่ง CMDF ได้ศึกษาวิจัยจากประเทศอื่น ๆ เป็นตัวอย่าง ซึ่งศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว และมีการมอบผลการศึกษาให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลท. โดยยังไม่ทราบไทม์ไลน์ที่ชัดเจน คาดว่าอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาอยู่เพื่อให้โครงการดังกล่าวเหมาะสมกับประเทศไทย
นายจักรชัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดทุนไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก CMDF ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับ อย่างตลท. ซึ่งท้ายที่สุดได้ข้อสรุปในการดำเนินการ อาทิ การเปิดเผยข้อมูลหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก ที่มีศักภาพในการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และมีการจ่ายปันผลที่ดีเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน แต่นักลงทุนยังเข้าไม่ถึง ซึ่ง CMDF จะนำ AI เข้ามาค้นหาหุ้นเหล่านั้นและทำออกมาเป็นข้อมูลให้นักลงทุน ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ขณะที่แนวทางที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว คือการเผยแพร่ข้อมูลบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจ New Economy ซึ่งได้มีการจัดกิจกรรมให้นักลงทุนได้พบปะผู้บริหาร รวมทั้งการจัดสัมนา เผยแพร่ข้อมูลบริษัทเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็ได้มีการประสานกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) โดยการอนุมัติทุนให้สมาคมเพื่อจัดกิจกรรม ให้ผู้จัดการลงทุนให้ความรู้เกี่ยวกับศักยภาพหุ้นไทย ทั้งในรูปแบบการจัดสัมนาและจัดทำคลิปเผยแพร่ช่องทางออนไลน์ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะทยอยออกมาจนถึงปลายปีนี้ รวมทั้งกองทุน Thai ESGX ที่ CDMF กำลังพยายามประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้นและต่อเนื่อง
สำหรับประเด็นความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นไทยมองว่าจากบทวิเคราะห์ บทวิจัยที่เกี่ยวกับตลาดหุ้นไทย และมาตรการต่าง ๆ ของตลท.และก.ล.ต. ได้ออกมา สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ระดับหนึ่ง เรื่องความมั่นใจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหวในปัจจุบัน แต่ว่าก็มีโครงการต่าง ๆ ที่เริ่มแก้ไขไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องนักลงทุนสถาบันอาจมีปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจพื้นฐาน การเมืองในประเทศ กำไรบริษัทจดทะเบียน ซึ่งในภาคตลาดทุนก็จะมีโครงการต่าง ๆ อย่าง Jump+ และโครงการอื่นๆ ที่จะตามมา น่าจะยกระดับความมั่นใจกลับมาได้ แต่อาจต้องใช้เวลา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ค. 68)
Tags: CMDF, Thai ESGX, กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์, ตลท., ตลาดทุนไทย, ตลาดหุ้นไทย