มูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัทจำหน่ายอาวุธของอินเดียเพิ่มขึ้นกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่สถานการณ์ความตึงเครียดที่บริเวณชายแดนระหว่างอินเดียและปากีสถานทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากเกิดเหตุโจมตีนักท่องเที่ยวในแคว้นแคชเมียร์ฝั่งอินเดียเมื่อช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนีหุ้นบริษัทจำหน่ายอาวุธรายใหญ่ 10 แห่งของอินเดียพุ่งขึ้นราว 5% นับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีนักท่องเที่ยวในพื้นที่ไบซารัน เมืองปาฮัลกัม เมื่อวันที่ 22 เม.ย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย โดยเมืองปาฮัลกัมอยู่ห่างจากเมืองศรีนคร เมืองหลวงของแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย ไปทางตะวันออกประมาณ 89 กิโลเมตร
ราคาหุ้นมาซากอน ด็อก ชิปบิลเดอร์ส (Mazagon Dock Shipbuilders) ทะยานขึ้น 4.6% ขณะที่หุ้นฮินดูสถาน แอโรนอติกส์ (Hindustan Aeronautics) ดีดตัวขึ้นเกือบ 2% ในการซื้อขายช่วงเช้า โดยนักลงทุนได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทผลิตอาวุธท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า บริษัทเหล่านี้จะได้ประโยชน์จากสถานการณ์ตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
รายงานระบุว่า ความตึงเครียดยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากที่กองทัพอินเดียเปิดฉากโจมตีทางอากาศในปากีสถานและพื้นที่แคชเมียร์ที่ปากีสถานปกครอง เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ (7 พ.ค.) ขณะที่ปากีสถานอ้างว่าสามารถยิงเครื่องบินรบอินเดียร่วงถึง 5 ลำ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า หากความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป รัฐบาลอินเดียอาจต้องอัดฉีดงบประมาณให้กับหน่วยงานด้านความมั่นคงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทผลิตอาวุธในระยะยาว และทำให้นักลงทุนให้ความสนใจในหุ้นกลุ่มนี้มากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ค. 68)
Tags: มาร์เก็ตแคป, อาวุธ, อินเดีย