มาร์เก็ตแคป Tesla วูบกว่า 1.5 แสนล้านดอลล์ หลังสัมพันธ์ “มัสก์-ทรัมป์” สะบั้น

หุ้นเทสลา (Tesla) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่ของสหรัฐฯ ปิดตลาดร่วงลง 14.26% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) ส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคป ของเทสลาลดลง 1.52 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงที่รุนแรงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

ราคาหุ้นเทสลาได้รับแรงกดดันจากความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นลงระหว่างอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลา กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ หลังจากที่มัสก์วิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายภาษีของทรัมป์ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับทรัมป์เป็นอย่างมาก และขู่ว่าจะไม่ต่อสัญญาของรัฐบาลกับบริษัทต่าง ๆ ของมัสก์

ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรูธ โซเชียลว่า “อีลอน ‘มีความอดทนต่ำมาก’ ผมขอให้เขาออกไป ผมยกเลิกคำสั่ง EV ของเขาที่บังคับให้ทุกคนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีใครต้องการ (ซึ่งเขารู้มาหลายเดือนแล้วว่าผมจะทำ!) แล้วเขาก็คลั่ง!”

นอกจากนี้ ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวในพฤหัสบดีว่า มัสก์ไม่พอใจที่ร่างกฎหมายนี้ได้ตัดเครดิตภาษีสำหรับรถ EV ออก

“อีลอนกับผมมีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม ผมไม่รู้ว่าเราจะยังคงเป็นเช่นนั้นได้อีกต่อไปหรือไม่ ผมเองก็ประหลาดใจ” ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดี

จากนั้นไม่นาน มัสก์ได้โต้ตอบกลับผ่านการโพสต์ข้อความบนเอ็กซ์ว่า “จะพูดอะไรก็พูดไป แต่ถ้าไม่มีผม ทรัมป์คงจะแพ้การเลือกตั้งไปแล้ว เดโมแครตคงครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ และรีพับลิกันคงจะได้ที่นั่ง 51-49 ในวุฒิสภา”

ที่ผ่านมานั้น มัสก์เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ที่สุดให้แก่ทรัมป์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2567 โดยใช้เงินไปมากกว่า 250 ล้านดอลลาร์สนับสนุนให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปอย่างตึงเครียด หลังจากมัสก์ได้ตำหนิร่างกฎหมายที่ปธน.ทรัมป์เรียกว่า เป็นฉบับที่ “สวยงามและยิ่งใหญ่” ว่าจะทำให้การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางพุ่งขึ้นอย่างมาก โดยมัสก์เรียกร่างกฎหมายนี้ว่า เป็น “สิ่งเลวร้ายที่น่ารังเกียจที่สุด”

หุ้นเทสลาร่วงลงไปแล้วเกือบ 18% ในสัปดาห์นี้ หลังจากมัสก์โจมตีร่างกฎหมายของทรัมป์อย่างต่อเนื่อง และนับตั้งแต่ต้นปี 2568 หุ้นเทสลาดิ่งลงไปแล้วเกือบ 30% ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของเทสลาในขณะนี้ดิ่งหลุดจากระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 9.16 แสนล้านดอลลาร์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มิ.ย. 68)

Tags: , ,