กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุในรายงานล่าสุดว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ควรเดินหน้าใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เงินเยนที่อ่อนค่าให้กลับสู่ภาวะปกติ และเพื่อเป็นการปรับสมดุลการค้าทวิภาคี
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ระบุถึงญี่ปุ่นในรายงานอัตราแลกเปลี่ยนที่ยื่นต่อสภาคองเกรสในวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) ว่า การดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินของ BOJ ควรดำเนินต่อไป เพื่อตอบสนองต่อปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ อีกทั้งเพื่อสนับสนุนการกลับสู่ภาวะปกติของเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และเพื่อปรับสมดุลโครงสร้างการค้าทวิภาคีซึ่งจำเป็นอย่างมาก
การกล่าวถึงนโยบายการเงินของญี่ปุ่นอย่างชัดเจนและไม่บ่อยนักในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐฯ มุ่งความสนใจไปที่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากของ BOJ โดยภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำถูกมองว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ย้ำว่า เครื่องมือการลงทุนของรัฐบาลญี่ปุ่น เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญสาธารณะซึ่งมีขนาดใหญ่นั้น ควรลงทุนในต่างประเทศด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ปรับค่าความเสี่ยงแล้ว และเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ไม่ใช่เพื่อกำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อวัตถุประสงค์ในการแข่งขัน
ทั้งนี้ BOJ ได้ยุติการใช้นโยบายกระตุ้นด้านการเงินขนานใหญ่ในปีที่แล้ว และต่อมาในเดือนม.ค.ปีนี้ BOJ ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้นสู่ระดับ 0.5% โดยพิจารณาจากมุมมองที่ว่า BOJ ใกล้จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ดี แม้ BOJ ได้แสดงความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ นั้น ทำให้ BOJ ต้องปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในการประชุมเดือนพ.ค.
ทางด้านคัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ โดยกล่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้มอบหมายให้ BOJ เป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มิ.ย. 68)
Tags: BOJ, กระทรวงการคลังสหรัฐ, ญี่ปุ่น, ธนาคารกลางญี่ปุ่น, สหรัฐ, อัตราดอกเบี้ย, เงินเยน