รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (1 มิ.ย.) ว่า ยอดส่งออกของประเทศในเดือนพ.ค.ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยมีมูลค่า 5.727 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกไปยังตลาดสำคัญอย่างสหรัฐฯ และจีนหดตัวลง ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากมาตรการกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
อัน ด็อกกึน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเกาหลีใต้ กล่าวว่า “การที่ยอดส่งออกไปยังสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นสองตลาดใหญ่ที่สุดของเราปรับตัวลดลงนั้น ชี้ให้เห็นว่ามาตรการภาษีของสหรัฐฯ กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม รวมถึงการส่งออกของเกาหลีใต้ด้วย”
ตัวเลขการหดตัวครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ยอดขายชิปที่แข็งแกร่งช่วยพยุงการส่งออกท่ามกลางแรงกดดันจากภัยคุกคามด้านภาษี อย่างไรก็ดี ตัวเลขการลดลงในเดือนพ.ค.ยังน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 2.7% และหากพิจารณาจากฐานวันทำงานที่ปรับแล้ว ยอดส่งออกยังคงขยายตัวได้ 1.0%
ความตึงเครียดทางการค้าโลกร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าในช่วงกลางเดือนพ.ค. จีนและสหรัฐฯ จะตกลงพักรบทางการค้าเป็นเวลา 90 วัน และทยอยลดกำแพงภาษีที่ต่างฝ่ายต่างตั้งขึ้นตอบโต้กัน แต่เมื่อวันศุกร์ (30 พ.ค.) ปธน.ทรัมป์ได้ออกมากล่าวหาจีนว่าละเมิดข้อตกลง พร้อมขู่จะใช้มาตรการที่รุนแรงกว่าเดิม นอกจากนี้ เขายังระบุว่าจะเพิ่มภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมทั่วโลกเป็นสองเท่า สู่ระดับ 50%
สำหรับมาตรการ “ภาษีตอบโต้” ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากเกาหลีใต้ในอัตรา 25% นั้น ก็ยังอยู่ในช่วงระงับ 90 วันเพื่อการเจรจา
เมื่อพิจารณารายตลาด พบว่ายอดส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือนพ.ค.ไปยังสหรัฐฯ ลดลง 8.1% และไปยังจีนลดลง 8.4% ขณะที่การส่งออกไปยังสหภาพยุโรปยังคงเติบโตได้ 4.0% ส่วนยอดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดลง 1.3% แต่การส่งออกไปยังไต้หวันกลับเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 49.6%
ในส่วนของสินค้าสำคัญ การส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ยังคงแข็งแกร่ง โดยขยายตัว 21.2% จากอุปสงค์ชิปหน่วยความจำขั้นสูงที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่การส่งออกรถยนต์กลับลดลง 4.4% ซึ่งกระทรวงฯ ระบุว่าเป็นผลจากทั้งมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และการเริ่มสายการผลิตของโรงงานแห่งใหม่ของฮุนได มอเตอร์ (Hyundai Motor) ในรัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ
ด้านการนำเข้าของเกาหลีใต้ในเดือนพ.ค. ลดลง 5.3% มาอยู่ที่ 5.033 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนดังกล่าวเกินดุล 6.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นยอดเกินดุลรายเดือนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2567
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 มิ.ย. 68)