หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งซึมลง ไร้ปัจจัยบวกหนุน กังวลความไม่แน่นอนเศรษฐกิจ-การเมือง

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ทิศทางซึมตัว ไร้ปัจจัยบวกหนุน ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังถูกปรับลดคาดการณ์กำไรลง เป็นไปตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่อาจมีความกังวลมากขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งหลายสำนักปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ลง โดยบล.ทิสโก้ ช่วงต้นสัปดาห์ได้ปรับคาดการณ์ GDP ปี 68 จากเดิมคาดโต 1.8% เหลือ 1.6% จากการปรับตัวดัชนีการลงทุนภาคเอกชนที่น่าจะไม่เติบโต เพราะมีความไม่แน่นอนการเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหรัฐ ที่มียังไม่มีความชัดเจน

นอกจากนี้ประเด็นการเมืองอาจต้องติดตามมากขึ้น เนื่องจากมีสัญญาณที่ทำให้นักลงทุนให้น้ำหนักปัจจัยการเมืองมากขึ้น หลังเมื่อวานนี้มีคำตัดสินคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนักลงทุนมองข้ามไปยัง 1 เดือนข้างหน้าที่จะมีการพิจารณาคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้ปัจจัยการเมืองอาจมีความกังวลต่อเนื่องต่อเสถียรภาพรัฐบาล อาจเป็นอุปสรรคการทำงาน

อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ดอลลาร์อ่อนค่าส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า อาจเห็นนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิได้ แต่มองว่าไม่ได้ซื้อต่อเนื่อง ซึ่งสัปดาห์หน้าอาจติดตาม MSCI Rebalancing ซึ่งหุ้นไทยถูกถอดออกจาก Global Standard 3 ตัว รวมทั้งถูกปรับลดน้ำหนักหุ้นที่อยู่ในดัชนีอยู่แล้ว คิดเป็นเม็ดเงินไหลออกสัปดาห์หน้า แม้สัปดาห์นี้เห็นต่างชาติซื้อสุทธิแต่ยังไม่ค่อยมาก ซึ่งตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปัจจุบันต่างชาติยังขายสุทธิอยู่

กลยุทธ์การลงทุนหลักแนะนำ wait&see หากดัชนีไม่สามารถยืนเหนือ 1,180 ได้ ทั้งนี้ให้กรอบแนวรับ 1,170 จุดแนวรับถัดไป 1,160 จุด และแนวต้าน 1,190 – 1,195 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (22 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,859.09 จุด ลดลง 1.35 จุด หรือ -0.003%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,842.01 จุด ลดลง 2.60 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,925.73 จุด เพิ่มขึ้น 53.09 จุด หรือ +0.28%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 37,161.74 จุด เพิ่มขึ้น 175.87 จุด หรือ +0.48% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 23,557.38 จุด เพิ่มขึ้น 13.07 จุด หรือ +0.06% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,376.87 จุด ลดลง 3.32 จุด หรือ -0.10%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 พ.ค.) 1,173.37 จุด ลดลง 6.44 จุด (-0.55%) มูลค่าซื้อขาย 38,569.91 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (22 พ.ค.) 1,410.38 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. (22 พ.ค.) ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 61.20 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 พ.ค.) อยู่ที่ 7.16 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.87 แกว่งแคบ รอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง ให้กรอบวันนี้ 32.70-33.00

– โฆษก ธปท.เผยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนช่วงที่ผ่านมาสอดคล้องกับสกุลอื่นในภูมิภาค ตั้งแต่ความตึงเครียดของสถานการณ์การค้าโลกผ่อนคลายลงในช่วงกลางเดือน พ.ค. นักลงทุนเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น0.5% เทียบกับดอลลาร์ สรอ.สอดคล้องกับเงินสกุลภูมิภาคที่แข็งค่าขึ้นระหว่าง 0.4% – 1.1%(แข็งค่านำโดย อินโดนีเซีย 1.1% เกาหลี 1.1% มาเลเซีย 0.6%)

– ยอดผลิตรถ เม.ย.68 หดตัวต่ำสุดรอบ 44 เดือน ตลาดรวมซบต่อเนื่อง ผลกระทบเศรษฐกิจพ่วง หนี้ครัวเรือนพุ่ง “รถกระบะ” แผ่วต่อเนื่อง ฉุดภาพรวมการผลิตและส่งออก จับตาการเจรจาภาษีสหรัฐท่ามกลางปัจจัยลบ ทั้งการลงทุน ภาครัฐ-เอกชน จับตาหนี้เสียเพิ่ม ส.อ.ท.เตรียมทบทวนเป้าผลิตรถทั้งปี หวัง “กระบะพี่มีคลังค้ำ” ช่วยพยุงตลาด

– ททท.คาดหวังโครงการ “สวัสดี หนีห่าว” ปลายเดือนนี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวจีนให้ดีขึ้น ขอเวลา 1 เดือนหลังจัดงาน ประเมินว่าไทยจะฝ่าวิกฤตินักท่องเที่ยวจีนตกลงเหลือ 5 ล้านคนได้หรือไม่ ชี้อย่างน้อยต้องให้ได้มากกว่าปีก่อน

– ธอส.ขานรับนโยบายนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ให้กลับมามีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามปกติ เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวด นานสูงสุด 1 ปี ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน-31 ธันวาคม 2568

หุ้นเด่นวันนี้

– OSP (เมย์แบงก์) คาดกำไร ไตรมาส 2/68 โตต่อเนื่องทั้ง YoY และ YoY จาก market share ที่ต่อเนื่อง 4 เดือนติด ล่าสุด เม.ย. 68 ที่ 45% ปรับตัวจากจุดต่ำสุดเมื่อ ธ.ค.67 ที่ 44.5% เนื่องจากปรับกลยุทธ์ M-150(ฝาเหลือง) ขวด 10 บาทที่กระแสตอบรับดี และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจาก product mix ที่ดีขึ้น เราชอบ OSP เนื่องจาก กำไรปี 68 เติบโต 9%YoY ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER 13.8 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลัง -1.75 S.D.) พร้อมปันผลปี 68 ที่สูงถึง 8% เป็นปัจจัยช่วยจำกัด Downside ราคาหุ้น

– CK (ฟินันเซีย ไซรัส) CK Backlog ปัจจุบันยืนระดับสูง 2 แสนลบ. บริษัทคงเป้าปีนี้รายได้ก่อสร้าง 4-4.5 หมื่นลบ. โต 7-20% YoY สอดคล้องกับคาดการณ์เรา 4 หมื่นลบ. และ GPM มากกว่า 7% แนวโน้มกำไร ไตรมาส2/68 คาดเร่งขึ้น q-q นอกเหนือจากธุรกิจก่อสร้างที่ไปได้ดี ยังมีแรงหนุนจากการรับรู้เงินปันผลรับจาก TTW และส่วนแบ่งกำไรจาก CKP ที่เร่งขึ้นจาก High Season คงประมาณการกำไรปีนี้ 1.5 พันลบ. +4% y-y และราคาเป้าหมาย 20 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

– PR9 (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐานที่ 27.90 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกผลประกอบการไตรมาส 1/68 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง แนวโน้มไตรมาส 2/68 คาดเติบโตต่อเนื่องทั้ง YoY, QoQ จากการกลับมาของผู้ป่วยตะวันออกกลางมากขึ้นหลังจากผ่านช่วงรอมฎอนไปแล้วใน ไตรมาส1/68 ในขณะเดียวกันผู้บริหารได้ให้มุมมองเชิงบวกว่าคุณภาพการรักษาและการตั้งราคาที่เหมาะสมเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของ PR9 จะส่งผลให้รายได้จากคนไข้ต่างชาติเติบโตต่อเนื่องจาก ไตรมาส 1/68 ที่ทำได้อย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 88% YoY

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ค. 68)

Tags: , , ,