“อัสสเดช” จับตานโยบาย “ทรัมป์” รับ SET ครึ่งปีหลังยังไม่แน่นอน เล็งเดินสายพบ นลท.ต่างชาติเพิ่มสภาพคล่อง

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังยังมีความไม่แน่นอน เพราะต้องติดตามการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐจะมีความชัดเจนอย่างไร และ การตอบสนองของตลาดฯ จะเป็นอย่างไร แต่ยอมรับว่าคาดการณ์ได้ยากเพราะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเปลี่ยนใจทุกวัน

อย่างไรก็ดี ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงเดินหน้าเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดหุ้นไทยทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ โดยพยายามเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองนักลงทุนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะนักลงทุนรุ่นใหม่ ขณะที่นักลงทุนสายอาชีพ อยู่ระหว่างหาเครื่องมือเพื่อให้ตั้งคำสั่งซื้อขายข้ามตลาดได้ ทั้ง SET และ TFEX รวมทั้งกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่เริ่มให้น้ำหนักหุ้นไทยมากขึ้น สำหรับการลงทุนระยะยาว

สำหรับกลุ่มนักลงุทนต่างประเทศ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พยายามเดินสายไปพบเพื่อให้ข้อมูลให้มากขึ้น โดยล่าสุด ได้เดินทางไปพบนักลงทุนที่สิงคโปร์ รวมถึงหาช่องทางที่จะทำให้ MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้นในตลาดหุ้นไทย ซึ่ง MSCI จะมีการพิจารณาถึงสภาพคล่องหุ้นนั้นๆ หรือตลาดหุ้นนั้นอย่างมาก รวมถึงกลไกต่าง ๆ ที่จะเทียบเคียงกับตลาดอื่นในกลุ่มเดียวกันคือตลาด Emerging Market หลังจากล่าสุด MSCI Rebalancing ได้ถอดหุ้นไทยออก 3 ตัว ก็ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันขายหุ้นออกมามาก

นอกจากนี้ ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ตลาดฯจะเปิดตัวโครงการ Jump+ เป็นทางการ โดยตั้งเป้าบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วม 50-100 บริษัทในปีนี้ และจะมากขึ้นในปีถัดๆไป โดยโครงการนี้ นักลงทุนต่างประเทศกำลังรอดูอยู่ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสื่อสารแผนงานของบริษัทที่อยู่ในโครงการนี้ เพื่อให้นักลงทุนต่างประเทศได้รับข้อมูลอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ โครงการ Jump+ จะดำเนินการใน 3 ปี เพื่อสนับสนุนให้ บจ.มีการลงทุน ลดค่าใช้จ่าย มุ่งเน้นเพิ่มกำไร และเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยค่าใช้จ่าย หรือสนับสนุนการใช้ AI โดยจะประสานให้ทาง Google หรือ Amazon เข้ามาช่วยเหลือ บจ. เพื่อให้ค่าใช้จ่ายลดลง

ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งกระดานใหม่นั่น ผู้จัดการตลาดฯ กล่าว่า ตลาดฯกำลังพิจารณาว่าจำเป็นแค่ไหนที่จะจัดตั้งกระดานใหม่ เพื่อดึงดูกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ หรือ สตาร์อัพ หรืออาจจะใช้กระดานตลาดเดิม แต่ปรับเกณฑ์ให้ง่ายขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 68)

Tags: , ,