อินโดฯเล็งปรับแผนนำเข้าพลังงาน ลดพึ่งพาสิงคโปร์ มุ่งซื้อจากสหรัฐฯ หวังผลเจรจาภาษี

รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังพิจารณาแผนสำคัญเพื่อปรับเปลี่ยนแหล่งนำเข้าเชื้อเพลิง โดยมีแนวโน้มลดการนำเข้าจากสิงคโปร์ และเพิ่มการสั่งซื้อจากสหรัฐฯ การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับประเด็นกำแพงภาษีที่สหรัฐฯ ตั้งไว้กับสินค้าอินโดนีเซีย

ปัจจุบัน สหรัฐฯ ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากอินโดนีเซียไว้สูงถึง 32% อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ได้ประกาศพักการบังคับใช้ภาษีดังกล่าวจนถึงเดือนก.ค. เช่นเดียวกับที่ทำกับประเทศอื่น ๆ เพื่อเปิดทางให้ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาหาทางออกร่วมกัน

บาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของอินโดนีเซีย เปิดเผยในวันนี้ (9 พ.ค.) ว่า อินโดนีเซียจะทยอยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงบางส่วนจากสิงคโปร์ โดยในระยะแรก อินโดนีเซียอาจลดสัดส่วนการนำเข้าเชื้อเพลิงจากสิงคโปร์ได้มากถึง 60% ของปริมาณการนำเข้าเชื้อเพลิงทั้งหมด และเปลี่ยนไปนำเข้าจากสหรัฐฯ แทน

“มีความเป็นไปได้สูงที่เราจะเลือกนำเข้าเชื้อเพลิงจากประเทศอื่นแทนสิงคโปร์” บาห์ลิลกล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมเสริมว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจปรากฏผลภายใน 6 เดือนข้างหน้า

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอินโดนีเซียเคยแจ้งว่า อินโดนีเซียต้องการเพิ่มการนำเข้าพลังงานจากสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งข้อเสนอนี้จะรวมถึงการซื้อเชื้อเพลิงสำเร็จรูป น้ำมันดิบ และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) จากสหรัฐฯ ด้วย

บาห์ลิลกล่าวเพิ่มเติมว่า ในการเจรจาครั้งนี้ อินโดนีเซียต้องการนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าจากปริมาณปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันอินโดนีเซียนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 4% ของการนำเข้าน้ำมันดิบทั้งหมด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ค. 68)

Tags: ,