ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมการประชุมอุตสาหกรรมที่กรุงจาการ์ตาในสัปดาห์นี้ให้ความเห็นว่า ตลาดนิกเกิลทั่วโลกจะยังคงเผชิญภาวะอุปทานล้นตลาด ซึ่งคาดว่าจะยืดเยื้อต่อไปอีกหลายปี จากการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ ขณะที่ความต้องการใช้นิกเกิลกลับเติบโตช้าลง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่และผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าไร้สนิมหรือสเตนเลสสตีล
ราคานิกเกิลในตลาดโลกได้รับแรงกดดันจากอุปทานใหม่จำนวนมากที่หลั่งไหลมาจากอินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลกที่มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 63% ทำให้ราคานิกเกิลในตลาดลอนดอนร่วงลงถึงครึ่งหนึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยราคาสัญญาซื้อขายนิกเกิลล่วงหน้าอยู่ที่ 15,380 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ณ เวลา 11.00 น. ตามเวลาไทยในวันนี้ (5 มิ.ย.) หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีที่ 13,865 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ราคานิกเกิลเคยแตะระดับสูงสุดเกิน 48,000 ดอลลาร์ต่อตันในช่วงต้นปี 2565
นักวิเคราะห์จากบริษัทแมคควอรี (Macquarie) ประเมินว่า โครงการลงทุนหลายแห่งในอินโดนีเซียที่ใกล้แล้วเสร็จ จะยิ่งเพิ่มกำลังการผลิตนิกเกิลเข้าสู่ตลาด และทำให้ภาวะล้นตลาดดำเนินต่อไปจนถึงช่วงปี 2570-2571 โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า ระดับราคาที่ 15,000 ดอลลาร์เป็นจุดคุ้มทุนสำคัญของอุตสาหกรรม หากราคาต่ำกว่านี้ ผู้ผลิตนิกเกิลประมาณครึ่งหนึ่งทั่วโลกจะตกอยู่ในภาวะเสี่ยง
ในด้านอุปสงค์นั้น การใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่า ได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ฉุดความต้องการนิกเกิลในภาคแบตเตอรี่ให้ลดลง นักวิเคราะห์จึงปรับลดประมาณการความต้องการใช้นิกเกิลในปี 2573 ลงมาอยู่ที่ 967,000 ตัน จากที่เคยมีการคาดการณ์ร่วมกันของอุตสาหกรรมไว้ที่ 1.5 ล้านตันเมื่อ 2 ปีก่อน โดยในปี 2567 ภาคการผลิตแบตเตอรี่ใช้โลหะนิกเกิลไปทั้งสิ้น 518,000 ตัน
ในขณะที่ผู้ผลิตในภาคส่วนต่าง ๆ ก็กำลังเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงกว่าราคาในตลาดนั้น ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทนอร์นิกเกิล (Nornickel) ของรัสเซียเปิดเผยว่า ราคานิกเกิลที่ตกต่ำ ทำให้ผู้ผลิตทั่วโลกราว 1 ใน 4 ต้องประสบภาวะขาดทุนเมื่อพิจารณาจากต้นทุนเงินสด
ในอินโดนีเซียนั้น โรงถลุงนิกเกิลพิกไอออน (NPI) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสเตนเลส ก็กำลังประสบปัญหากำไรหดตัวอย่างหนัก โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายของบริษัท อีเทอร์นัล ชิงซาน กรุ๊ป (Eternal Tsingshan Group) ในเครือของ ชิงซาน โฮลดิง กรุ๊ป (Tsingshan Holding Group) ของจีนระบุว่า โรงถลุงหลายแห่งกำลังเผชิญภาวะยากลำบาก และมีแนวโน้มว่าอาจต้องลดกำลังการผลิตหรือหยุดดำเนินการ โดยเฉพาะในกลุ่มโรงถลุงขนาดเล็ก ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
รัฐบาลอินโดนีเซียเองได้ออกมาระบุว่าจะบริหารจัดการอุปทานและความต้องการนิกเกิลให้สมดุล เพื่อประคองราคานิกเกิลในตลาดให้มีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 มิ.ย. 68)
Tags: ล้นตลาด, แร่นิกเกิล