ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ (10 มิ.ย.) ว่า เกาหลีใต้ยังคงเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 24 ในเดือนเม.ย. แต่ยอดเกินดุลลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้อยู่ที่ 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนเม.ย. ลดลงจาก 9.14 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. อย่างไรก็ดี เกาหลีใต้ยังคงเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่องทุกเดือนนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566
รายงานระบุว่า ดุลการค้าสินค้าเกินดุลที่ 8.99 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. เนื่องจากยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบรายปี แตะระดับ 5.857 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 5.1% มาอยู่ที่ 4.958 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ดุลบริการกลับขาดดุล 2.83 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.
ด้านบัญชีรายได้ปฐมภูมิ (Primary Income Account) ซึ่งติดตามข้อมูลค่าแรงของแรงงานต่างชาติ การจ่ายเงินปันผลจากต่างประเทศ และรายได้จากดอกเบี้ย ขาดดุล 190 ล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.
ในเดือนเม.ย. ยอดส่งออกจากเกาหลีใต้ไปยังสหรัฐฯ ร่วงลง 6.8% เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เริ่มประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับบรรดาประเทศคู่ค้า โดยสินค้านำเข้าจากเกาหลีใต้ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% แต่หลังจากนั้นไม่นานสหรัฐฯ ได้ระงับการใช้มาตรการชั่วคราวเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจากัน
สำหรับภาพรวมในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดสะสมอยู่ที่ 2.496 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 1.797 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มิ.ย. 68)
Tags: BOK, ธนาคารกลางเกาหลีใต้, เกาหลีใต้