เงินบาทเปิด 32.70 แนวโน้มผันผวนตามทิศทางดอลลาร์-ราคาทอง คาดกรอบวันนี้ 32.60-32.90

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 32.70 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากปิดเมื่อวานที่ระดับ 32.77 บาท/ดอลลาร์

โดยช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าบ้าง ตามจังหวะการ อ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ อีกทั้งแรงหนุนเพิ่มเติมจากการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้ง ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท ยังมีความเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง หรือ เคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways Up ท่าม กลาง ความวุ่นวายของสถานการณ์การเมืองไทย ทั้งนี้ เงินบาทยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-Way risk จากแนวโน้มการเคลื่อนไหวของ เงินดอลลาร์ ราคาทองคำ และราคาน้ำมันดิบ ซึ่งจะขึ้นกับพัฒนาการของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

คืนนี้ ตลาดรอลุ้นรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของอังกฤษ เดือนพ.ค. ซึ่งจะช่วยประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและ ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯตลาดจะรอติดตาม รายงานดัชนีภาวะเศรษฐกิจและ ภาคธุรกิจจาก เฟดสาขา Philadelphia “นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ตลาดจะรอติดตาม แนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้า ระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า อย่าง จีน รวมถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน”

นายพูน ระบุ นายพูน มองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.60-32.90 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยน อยู่ที่ระดับ 145.26 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 145.43 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1520 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1470 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.833 บาท/ดอลลาร์

– “เอกชน” หวั่นไทยเจอปัจจัยเสี่ยงซ้ำเติมเศรษฐกิจรอบด้าน หากเปลี่ยนนายกฯ เปลี่ยนรัฐบาล ขอให้เป็นไปตามระบอบ ประชาธิปไตย หวั่นงบกระตุ้นเศรษฐกิจค้างท่อ งบปี 69 สะดุด การเจรจาการค้าสหรัฐไม่ทันเส้นตาย 8 ก.ค.นี้

– ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากกรณีที่มีคลิปเสียงของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุนเซ็น อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา และประธานวุฒิสภากัมพูชาซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ ไทย และมีผลทำให้พรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลนั้น เรื่องดังกล่าวเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจอีกหนึ่ง ปัจจัยที่เพิ่มขึ้นมาจากภายในประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากสงครามในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล และปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาซึ่งปัจจัยดังกล่าวอยู่นอกเหนือที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เคยคาดการณ์ไว้ ก่อนหน้านี้

– ‘ซีอีโอ’ เสนอ 3 ทางออกแก้วิกฤติ นายกฯ ‘ลาออก-ยุบสภา หรือปรับคณะรัฐมนตรี’ ซีอีโอส่วนใหญ่ 43% แนะ นายกฯ “ลาออก” มอง ‘การเมือง’ ฉุดเศรษฐกิจชะลอตัว ลงรุนแรงมีแนวโน้มถดถอย มากกว่า 70% กังวลเสถียรภาพรัฐบาลเปราะ บาง ขวางเคลื่อน นโยบายเศรษฐกิจสำคัญ ขณะที่ซีอีโอส่วนใหญ่ ยก “ปัจจัยการเมือง” ความเสี่ยงสำคัญวางยุทธศาสตร์ธุรกิจจากนี้ สิ่งที่ คาดหวังต้องการรัฐบาลเร่งเดินหน้าโครงการแก้หนี้ ประชาชน หนุนภาคท่องเที่ยวบริการ จี้รัฐบาลเร่งปลุกความเชื่อมั่น สร้างความ ชัดเจน ต่อเนื่องนโยบายเศรษฐกิจระยะยาว

– หอการค้าไทยเผยเศรษฐกิจไทยเสี่ยงสูงจี้รัฐบาลเร่งจบปัญหา โดยเร็ว ส.อ.ท.หวั่นปัญหาเขมรซ้ำเติมปัญหาที่ไทยเผชิญอยู่ เดิมให้รุนแรงมากขึ้น กังวลการเจรจาภาษีทรัมป์ที่ไม่รู้จะจบเมื่อใด ด้านนายกสมาคมโรงแรมไทยเผยคลิปนายกฯไทยกับฮุน เซน ทำให้ไม่ เชื่อมั่นในภาวะผู้นำของ “แพทองธาร” หวั่นกรณีนายกฯยื้ออยู่ในตำแหน่ง ประชาชนจะลงถนนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

– ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับ อิหร่าน ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย แต่สิ่งที่น่ากังวลคือหากมีการปิดช่องแคบฮอร์มุส ที่เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันสำคัญของ ตะวันออกกลางและของโลก มีปริมาณขนส่งถึง 20-30% ของการค้าน้ำมันทั่วโลก จะทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นทันที ซึ่งจะกระทบต่อต้น ทุนการผลิตสินค้าของไทย รวมถึงค่าขนส่ง ค่าระวางเรือมีโอกาสเพิ่มขึ้น

– ตลาดเงินนิวยอร์กและตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 19 มิ.ย.เนื่องในวันจูนทีนธ์ (Juneteenth)

– คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 6-3 ในการคงอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25% นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนส.ค. และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในไตรมาส 4/2568

– นักลงทุนยังคงจับตาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กำลังชั่งใจ ว่าจะสนับสนุนกองทัพอิสราเอลและโจมตีอิหร่านหรือไม่ ซึ่งทำเนียบขาวระบุว่า ทรัมป์จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มิ.ย. 68)