เตือนภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นจนท.แบงก์-ตำรวจ 5 คดีสูญเงินเกือบ 8 ลบ.

ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) เผยช่วงวันที่ 5 – 11 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้มีรายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส ประกอบด้วย

  • คดีที่ 1 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 4,025,000 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Tiktok พูดคุยสนทนากันจนสนิทใจและได้เพิ่มเพื่อนทาง Line จากนั้นมิจฉาชีพชักชวนเทรดหุ้นน้ำมันดิบ โดยอ้างว่าได้รับผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป ช่วงแรกสามารถถอนเงินได้ ภายหลังลงทุนสูงขึ้นเพื่อหวังผลกำไรที่มากขึ้น แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพอ้างว่าทำรายการผิดพลาดต้องโอนเงินเรื่อย ๆ เพื่อเป็นค่าแก้ไขระบบ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

  • คดีที่ 2 คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 1,427,000 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นทนายความจากธนาคารกรุงไทยสำนักงานใหญ่ แจ้งว่าผู้เสียหายมียอดหนี้ค้างชำระ และโอนสายสนทนาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองเชียงราย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และขอตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชี หากไม่ให้ความร่วมมือจะมีความผิดตามกฎหมาย ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้ความร่วมมือและโอนเงินไป ภายหลังผู้เสียหายปรึกษาเพื่อน จึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

  • คดีที่ 3 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 968,800 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Tiktok ชักชวนทำงานหารายได้พิเศษโพรโมตโรงแรม โดยผู้เสียหายต้องโอนเงินเพื่อทำการโพรโมต ช่วงแรกได้รับผลตอบแทนสามารถถอนเงินได้ ภายหลังโอนเงินเพิ่มขึ้นแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพอ้างว่ามีค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการถอนเงิน ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

  • คดีที่ 4 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 859,687 บาท ทั้งนี้ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Line ชักชวนให้ผู้เสียหายเป็นตัวแทนรับจองคิวผู้ใช้บริการเสริมความงาม โดยผู้เสียหายต้องโอนเงินเพื่อสำรองเงินก่อน จึงจะสามารถถอนเงินทุนและกำไรได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป ในครั้งแรกได้รับกำไรกลับมาจริง ภายหลังให้โอนเงินในจำนวนมากขึ้น แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

  • คดีที่ 5 คดีหลอกลวงเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่าความเสียหาย 334,400 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Tiktok ชักชวนลงทุนเกี่ยวกับเหรียญดิจิทัล ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line สอบถามรายละเอียด มิจฉาชีพแจ้งว่าให้โอนเงินเพื่อลงทุน โดยจะแจ้งให้ผู้เสียหายรู้ว่าควรโอนเงินลงทุนเวลาใด ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินตามที่มิจฉาชีพแจ้ง จากนั้นไม่สามารถอนเงินทุนและกำไรได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดี รวม 7,614,887 บาท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 9 พฤษภาคม 2568 มีตัวเลขสถิติผลการดำเนินงาน ดังนี้

  1. สายโทรเข้า 1441 จำนวน 1,705,225 สาย / เฉลี่ยต่อวัน 3,067 สาย

  2. ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน 646,090 บัญชี / เฉลี่ยต่อวัน 1,257 บัญชี

  3. ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท ได้แก่ (1) หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 205,957 บัญชี คิด เป็นร้อยละ 31.88 (2) หลอกลวงหารายได้พิเศษ 151,645 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 23.47 (3) หลอกลวงลงทุน 93,033 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 14.40 (4) หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 79,999 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 12.38 (5) หลอกลวงให้กู้เงิน 46,440 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 7.19 (และคดีอื่นๆ 69,016 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 10.68)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ค. 68)

Tags: ,