เปิดผลงาน 3 ปี “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” เปลี่ยนกรุงเทพฯ ภายใต้นโยบาย “9 ดี 9 ด้าน” ก่อนก้าวสู่ปีที่ 4

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงผลงานในโอกาสทำงานครบรอบ 3 ปี ภายใต้แนวคิด “ก้าวสู่ปีที่ 4 ขับเคลื่อนกรุงเทพ สู่เมืองแห่งโอกาส และความหวัง” ว่า การขับเคลื่อนเมืองไม่สามารถทำได้ด้วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือคนใดคนหนึ่ง ต้องเกิดจากการร่วมมือกัน โดย 3 ปีที่ผ่านมา ได้มีการแก้ไขปัญหาไปแล้ว 754,004 เรื่อง จากที่มีผู้แจ้งมาทั้งหมด 929,853 เรื่อง ประชาชนมีความพึงพอใจ 81%

การจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยนอกจุดผ่อนผัน ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทุกภาคส่วน โดยดำเนินการจัดระเบียบไปแล้วจำนวน 446 จุด ทั่ว กทม. ผู้ค้าลดลงกว่า 5,300 ราย ทำให้ กทม. สามารถพัฒนาทางเท้าให้สะอาด สวยงาม เป็นระเบียบ ปลอดภัย เดินได้เดินดี และเป็นมิตรกับผู้สัญจรทุกระดับ ได้กว่า 1,100 กิโลเมตร ซึ่งต้องขอบคุณผู้ค้า ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมมือกัน

ในส่วนของการปลูกต้นไม้ล้านต้น ที่เกิดจากการร่วมมือกันทั้งภาครัฐ และเอกชน ทำให้สามารถปลูกต้นไม้ทะลุ 1.8 ล้านต้น มีสวน 15 นาทีใกล้บ้าน เพิ่มขึ้นอีก 199 แห่ง รวมทั้งมีถนนสวยกระจายทั่วทั้ง 50 เขต

การเปลี่ยนวิกฤติ ให้เป็นโอกาส

กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยปัญหาที่ต้องแก้ไข แต่ในปัญหามากมายนั้น ทำให้พบโอกาสในการสะสางปัญหาด้วยวิธีการใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เช่น

– สถานการณ์ฝนตกหนักในปีแรก ทำให้ กทม.ได้สำรวจจุดเสี่ยงน้ำท่วม ซึ่งพบ 737 จุด อยู่ระหว่างการแก้ไข 221 จุด แก้ไขแล้วเสร็จบางส่วน 133 จุด แก้ไขแล้วเสร็จ 383 จุด

– สถานการณ์รถบรรทุกตกหลุม ทำให้เกิดมาตรการทั้งตั้งด่าน และจับน้ำหนักจากสะพาน โดยระบบจับน้ำหนักจากสะพานจับได้กว่า 1,200 คัน ส่งศาลให้ดำเนินคดี โดยศาลพิพากษาแล้ว 2 ราย ส่วนการตั้งด่านสุ่มตรวจ จับรถบรรทุกน้ำหนักเกินได้ 65 คัน

– วิศวกรอาสากว่า 130 คน ผนึกกำลังตรวจสอบอาคารหลังแผ่นดินไหว โดยตอบกลับเรื่องที่แจ้งมาใน Traffy Fondue กว่า 2 หมื่นเคส มีความร่วมมือกับ Airbnb จัดหาที่พักให้ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวฟรี โดยมีประชาชนมาใช้เครดิต รวม 8,540 คืน

– ความร่วมมือจากอาสาสมัคร และองค์กรจากทั่วโลก ที่เข้าช่วยค้นหาผู้ประสบภัยในพื้นที่อาคารถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพฯ

เทคโนโลยีที่เหมาะสม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเมือง

กทม. มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อลดอุปสรรค ลดขั้นตอน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น การติดตั้งสัญญาณไฟจราจร Adaptive ที่เปลี่ยนสัญญาณตามปริมาณจราจรอัตโนมัติ 72 จุดทั่วเมือง ทำให้ลดความล่าช้าในการเดินทางได้ประมาณ 15% การติดตั้งกล้อง AI CCTV 100 จุดทั่วเมือง เพื่อช่วยดูแลด้านความปลอดภัยให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลต่าง ๆ โดยใช้งานร่วมกับระบบการจับภาพใบหน้า เชื่อมโยงกับข้อมูลประวัติอาชญากรของหน่วยงานด้านความมั่นคง สามารถตรวจติดตาม และจับกุมบุคคลที่มีความเสี่ยงได้ทันที

รวมทั้งตรวจจับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์บนทางเท้า โดยจากสถิติสามารถเก็บค่าปรับจากผู้กระทำผิดได้กว่า 1.5 ล้านบาท จาก 4.6 แสนเคส ประชาชนเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมขับขี่ และใช้ทางเท้าอย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลจาก AI CCTV เข้าสู่ระบบ ทำให้สามารถทราบว่าทะเบียนรถคันนี้เป็นของใคร อยู่ที่ไหน สามารถตรวจสอบได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ไปยืนเฝ้า โปร่งใส มีหลักฐาน ข้อมูลแม่นยำ สามารถตรวจสอบได้

  • คนรุ่นใหม่-คนมีประสบการณ์-คนมีพลัง ร่วมช่วยสร้างเมือง

นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม.จะผลักดันคนรุ่นใหม่ คนมีพลัง คนมีประสบการณ์ ร่วมกันสร้างเมือง เช่น การพัฒนาเว็บไซต์ รับความคิดเห็นแก้ไข พ.ร.บ.กรุงเทพฯ รวมถึงร่วมกับกลุ่มต่าง ๆ ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผ่านการจัดกิจกรรม เทศกาลตลอดปี สร้างสีสันให้พื้นที่สาธารณะทั่วเมือง

นอกจากนี้ มีการนำคนรุ่นใหม่มาช่วยทำหน้าที่ “ทูตสื่อสาร” โดยเป็นตัวแทนคนทำงานจากหลากหลายสายงาน เสริมพลังเครือข่ายสื่อสารภารกิจ กทม.สู่ประชาชน มี “สภาเมืองคนรุ่นใหม่” เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ร่วมนำเสนอนโยบายกับผู้บริหาร กทม. และเข้ามาร่วมขับเคลื่อนงานพัฒนาเมือง, โครงการ Hackathon เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ออกแบบเครื่องมือพัฒนา แก้ไขปัญหาเมือง, โครงการ Bangkok city Lab, ศูนย์กลางทดลองเมืองกรุงเทพฯ จากภาควิชาการ และประชาชน รวมถึงร่วมพัฒนาเส้นทางจักรยานร่วมกับภาคเครือข่ายจักรยาน

  • สรุปผลงานตามนโยบาย “9 ดี 9 ด้าน” ตลอด 3 ปี

1. ด้านโปร่งใสดี

– Traffy Fondue รับเรื่องร้องเรียนแล้วมากกว่า 900,000 เคส แก้ไขแล้วเสร็จกว่า 750,000 เคส เฉลี่ยเวลาในการแก้ไขปัญหา 3.5 วันต่อเคส ประชาชนพึงพอใจในการให้บริการมากกว่า 80%

– เปิดเผยข้อมูล Open Bangkok เปิดข้อมูลงบประมาณแบบ Machine Readable เปิดให้ติดตามความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณ Open Budgeting ประชาชนใช้งาน data.bangkok มากกว่า 4 ล้านครั้ง

– ปรับระบบการขออนุญาต ได้แก่ ขออนุญาตก่อสร้างออนไลน์ ทราบผลภายใน 14 วัน, BMAOSS ยกการขออนุญาตทั้งหมดเข้าระบบ ติดตามได้ ตรวจสอบได้ ไม่ล่าช้า จาก ต.ค. 67 คำขออนุญาตก่อสร้างอยู่ในระบบแล้วประมาณ 3,000 เคส, ประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าคำขออนุญาตได้ผ่าน LineOA กรุงเทพฯ

– แก้ปัญหาทุจริต ร่วมกับตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยดำเนินการกับข้าราชการทุจริตกว่า 28 ราย

2. ด้านเดินทางดี

– แก้ไขปัญหาน้ำท่วม ได้แก่ การแก้ไขจุดเสี่ยงน้ำท่วม กว่า 516 จุด จาก 737 จุด, เตรียมความพร้อม ลอกท่อ ลอกคลอง เปิดทางน้ำไหล เฉลี่ย 70%

– ส่งเสริมขนส่งสาธารณะ เช่น สร้างศาลารอรถเมล์ใหม่มากกว่า 100 แห่ง ตั้งเป้าศาลาใหม่ มากกว่า 300 แห่ง, ป้าย 500 แห่ง, ชำระหนี้สิน BTS ค่า E&M และค่าเดินรถบางส่วน รวมแล้วกว่า 37,000 ล้านบาท

– แก้ไขปัญหาจราจร ได้แก่ ปรับสัญญาไฟจราจรเป็นแบบ Adaptive ลดความล่าช้าได้ 15% ต่อแยก, วิเคราะห์แก้ไขปัญหาจุดฝืดไปมากกว่า 50 จุด เพิ่มความเร็วเฉลี่ย 20% ต่อจุด, ผายปากทางแยก 70 จุด

– ส่งเสริมเมืองเดินได้ ปั่นได้ มีการปรับปรุงทางเท้าไปแล้วมากกว่า 1,100 กม. เพิ่ม Bike Sharing มากกว่า 1,100 คัน เชื่อมการเดินทาง Last mile มีใช้งานกว่า 75,000 ครั้ง, พัฒนา Skywalk ย่านการแพทย์ราชวิถี สะพานเขียวเชื่อมสวนเบญจกิติ และสวนลุมพินี

3. ด้านสิ่งแวดล้อมดี

– เพิ่มพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้มากกว่า 1.8 ล้านต้น, พัฒนาสวน 15 นาททีที่ได้มาตรฐานเกือบ 200 สวน ขยายเวลาเปิด-ปิด สวนสาธารณะ ขยายการบริการ Pet Park

– ลด และคัดแยกขยะ สามารถลดปริมาณขยะเมื่อเทียบกับช่วงก่อน โควิดมากกว่า 1,000 ตันต่อวัน ประหยัดค่ากำจัดขยะ 1,000 ล้านบาท ค่าเก็บขนขยะ 2,000 ล้านบาท, ผลักดันข้อบัญญัติการคัดแยกขยะเพื่อลดค่าธรรมเนียม, ลดค่าฝังกลบขยะจาก 700 บาท เหลือ 600 บาท ประหยัดงบประมาณกว่า 230 ล้านบาท

– แก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 มีการประกาศ Low Emission Zone ห้ามรถบรรทุกเข้าเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน มีรถมาลงทะเบียน Greenlist เกือบ 60,000 คัน, สร้างเครือข่าย Work From Home มากกว่า 100,000 คน, ให้ยืมรถอัดฟางลดการเผาตอซังครอบคลุมพื้นที่กว่า 17,000 ไร่, พัฒนาห้องเรียนปลอดฝุ่น พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กนักเรียนกว่า 740 ห้อง

4. ด้านสังคมดี

– ดูแลชุมชนและกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ กระจายอำนาจงบประมาณให้ชุมชนเสนองบได้ 200,000 บาท/ชุมชน/ปี, จัดทำฐานข้อมูลชุมชนและสำรวจกลุ่มเปราะบาง ร่วมกับอาสาเทคโนโลยีในชุมชนส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ, สนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยจำนวน 15 ชุมชน มากกว่า 1,800 ครัวเรือน, BKK Food bank ส่งต่อมื้ออาหารมากกว่า 4 ล้านมื้อ, จุด Drop-in ช่วยเหลือคนไร้บ้าน ทำบัตรประชาชน ตัดผม อาบน้ำ แจกอาหารมีผู้ใช้บริการหมุนเวียนกว่า 225,640 ครั้งและได้งานทำมากกว่า 50 คน, สิ้นปีนี้เตรียมเปิดบ้านอิ่มใจ ดูแลคนไร้บ้านแบบครบวงจร, กทม.จ้างงานคนพิการ เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าจาก 132 คน เป็น 415 คน

– ยกระดับการบริการกีฬา-นันทนาการ ได้จัดสรรงบประมาณแบ่งสัดส่วนเน้นปรับปรุงกายภาพแทนการจัดกิจกรรม, ขยายเวลาเปิด-ปิด เพื่อให้บริการประชาชนสวนสาธารณะ ศูนย์กีฬา ศูนย์นันทนการและห้องสมุด, ศูนย์กีฬา-ศูนย์นันทนาการ-ห้องสมุดมีสมาชิกมากกว่า 230,000 คน (แอพ CSTD) ผู้จองใช้งานมากกว่า 1,265,812 ครั้ง, ผู้ใช้งานลานกีฬามากกว่า 11 ล้านครั้งต่อปี, ปรับปรุงกายภาพบ้านหนังสือ 82 แห่ง, ปรับปรุงกายภาพลานกีฬา 204 แห่ง

– ส่งเสริมกิจกรรมในพื้นที่สาธารณะ โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กรุงเทพกลางแปลง, Bangkok Design Week, Colorful Bangkok ฯลฯ, กิจกรรม Pride month มีคนเข้าร่วมกว่า 200,000 คนในปีที่ผ่านมา, เปิดแพลตฟอร์มจองพื้นที่สาธารณะให้คนจองจัดกิจกรรมได้สะดวกขึ้น, ดนตรีในสวน 405 ครั้งใน 15 สวนสาธารณะทั่วกรุงเทพฯ, โครงการ Bangkok Street performer มีศิลปินเข้าร่วม 555 กลุ่ม ทำการแสดงมากกว่า 8,177 รอบ, มีการขอถ่ายทำผ่านศูนย์ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ฯ 159 กองถ่าย 288 พื้นที่

5. ด้านสุขภาพดี

– บริการสาธารณสุขเชิงรุก โดยเดินหน้าตรวจสุขภาพล้านคนแล้วกว่า 780,000 คน, Mobile Medical Unit ตรวจสุขภาพเชิงรุกถึงชุมชน มากกว่า 360,000 คน, Motorlance ช่วยลดเวลาในการเข้าถึงผู้ป่วยฉุกเฉิน < 10 นาที, ทำบัตรคนพิการเชิงรุกถึงบ้าน ดำเนินการแล้วกว่า 23,300 เคส, Healthtech และบริการหมอทางไกล ผู้ใช้งานกว่า 187,000 ครั้ง

– เพิ่มขีดความสามารถของสถานพยาบาล โดยก่อสร้างและปรับปรุง รพ. รองรับผู้ป่วยนอกได้มากขึ้นกว่า 1 ล้านเคส, ขยายคลินิกนอกเวลารองรับผู้ป่วยได้มากกว่า 3 แสนเคส, ปรับปรุงศูนย์บริการสาธารณสุข ความพึงพอใจของประชาชนขึ้นมาเป็น 4.67 จากคะแนนเต็ม 5, Pride Clinic ให้คำปรึกษาทุกเพศทุกวัย ไปกว่า 45,000 เคส

– ส่งเสริมสุขภาพของประชาชน และสัตว์เลี้ยง โดยผลักดันโครงการสุขภาพ ผ่านกองทุนของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มากกว่า 4,900 โครงการ มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท, ส่งเสริมชมรมผู้สูงอายุ มียอดสมาชิกทะลุ 39,000 คน, 3 ปี ผ่าตัดทำหมันหมาแมวกว่า 119,000 ตัว วัคซีนพิษสุนัขบ้า 489,000 ตัว รับอุปการะไปมากกว่า 270 ตัว

– รวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ โดยเพิ่มตู้กดน้ำดื่มฟรี 200 แห่งจาก กทม. และ 2,400 แห่งจากภาคเอกชน, รวบรวมและเข้าตรวจสุขอนามัยของห้องน้ำสาธารณะกว่า 5,900 แห่ง, ติดตั้งเครื่อง AED ในพื้นที่สาธารณะและชุมชน มากกว่า 330 แห่ง

6. ด้านเศรษฐกิจดี

– บริหารจัดการผู้ค้าหาบเร่แผงลอย โดยจัดระเบียบหาบเร่นอกจุดผ่อนผันมากกว่า 400 จุด ผู้ค้ามากกว่า 5,000 ราย, พัฒนาระบบ Check-in ช่วยยืนยันตัวตนผู้ค้าในจุดผ่อนผัน, จัดหา Hawker Center รองรับผู้ค้าที่ได้รับผลกระทบ

– จัดหาพื้นที่ขายของ โดยเปิดจองแผงค้าออนไลน์ในตลาด กทม. ไปมากกว่า 500 แผงค้า, จัดถนนคนเดินกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้มากกว่า 19 ล้านบาท, ส่งเสริมพื้นที่การขายสินค้าชุมชนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Lazada Shopee Tiktok, เปิด Farmer Market 50 เขต และ 4 สวนสาธารณะ เกษตรกรพบผู้บริโภคโดยตรงจำหน่ายผักผลไม้ออร์แกนิก 100% มาตรฐาน Bangkok G

– ส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยพัฒนาเวปไซต์ visit.bangkok.go.th รวบรวมกิจกรรมท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ, ร่วมกับคนในพื้นที่พัฒนาย่านสร้างสรรค์ 55 ย่านเช่น ตลาดพลู ทรงวาด ตลาดน้อย บางลำพู

– ฝึกอาชีพ โดยโรงเรียนฝึกอาชีพ มีคนสนใจมาเรียน upskill- reskill มากกว่า 100,000 คน, เพิ่มหลักสูตรฝึกอาชีพ ตอบโจทย์ตลาดงาน เช่น ขับรถสามล้อไฟฟ้า แม่บ้านโรงแรม ตัดขนสุนัข, เปิดแพลตฟอร์มประชาสัมพันธ์ร้านค้า และงาน Freelance สำหรับนักเรียนที่จบหลักสูตรโรงเรียนฝึกอาชีพ

7. ด้านปลอดภัยดี

– การเพิ่มความปลอดภัยทางถนน โดยปรับปรุงไฟฟ้าส่องสว่างมากกว่า 115,000 ดวง, ติดตั้งกล้อง AI CCTV ตรวจจับมอเตอร์ไซค์บนทางเท้ากว่า 460,000 คดี, ปรับปรุงทางม้าลายไปแล้วกว่า 2,100 แห่ง, ปรับลดความเร็วสูงสุดเหลือ 60 กม./ชม., ลดการเสียชีวิตบนท้องถนนไปกว่า 9%

– เพิ่มขีดความสามารถจัดการสาธารณภัย โดยก่อสร้างและปรับปรุงสถานีดับเพลิงแล้ว 5 แห่ง และอยู่ในแผนอีก 6 แห่ง, ซ่อมแซมรถดับเพลิงให้พร้อมใช้งานมากกว่า 80% เพิ่มจากเดิมที่อยู่ที่ 37%, กระจายถังดับเพลิงไปมากกว่า 74,000 ถังตั้งเป้า 5 หลังคาเรือนต่อถัง, จัดทำแผนเผชิญเหตุ และฝึกซ้อมการเผชิญเหตุให้กับชุมชนเกือบ 1,200 ชุมชน, รวบรวมข้อมูลและตรวจสอบความพร้อมใช้งานของประปาหัวแดงกว่า 24,000 จุด

8. ด้านบริหารจัดการดี

– ประหยัดงบประมาณจัดซื้อจัดจ้าง จากการจัดซื้อจัดจ้างปี 67 กว่า 30,275 ล้านบาท

– ตั้งเป้าหมาย ติดตามการทำงาน Tight Loose Tight ตั้งเป้าหมายให้ชัด ให้อิสระในการดำเนินการ และติดตามอย่างเข้มงวด, กำหนด 32 เป้าหมายในการดำเนินการของสำนักงานเขต พร้อมติดตามผ่านระบบ policy.bangkok

– เพิ่มขีดความสามารถองค์กร กทม. โดยจัดตั้ง ‘สำนักดิจิทัลกรุงเทพมหานคร’ เพื่อตอบรับการนำเทคโนโลยีเข้ามาแก้ไขปัญหาเมือง, อบรมการใช้ AI ให้กับคน กทม. นำไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน, แต่งตั้งทูตสื่อสาร นำคนรุ่นใหม่ช่วยสื่อสารการทำงานของหน่วยงาน กทม. ให้กับประชาชน

– ยกระดับการบริการให้กับประชาชน เพิ่มจุดบริการด่วนมหานครตามห้าง และตลาด 12 แห่ง รวมเป็น 20 แห่ง นำบริการ กทม. ไปหาประชาชน

9. เรียนดี

– การจัดการเรียนการสอนแบบดิจิทัลคลาสรูม โดยนักเรียน กทม.สามารถเรียนผ่านโครมบุ๊ก ทำให้คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนเพิ่มขึ้น 28%

– นำเทคโนโลยีช่วยสอน ห้องเรียนดิจิทัล ปี 67 ขยาย 10 โรงเรียน ผลการเรียนดีขึ้นทุกวิชา ปี 68 ขยาย 437 โรงเรียน ระดับชั้น ป.4, ม.1 ทุกคน

– ใช้ AI ช่วยฝึกเด็กพูด/เขียน ภาษาอังกฤษดีขึ้น 37%

– คืนครูให้ห้องเรียน จ้างธุรการ 371 คน จ้าง รปภ. ทุกโรงเรียน ทำให้ครูไม่ต้องเข้าเวร ลดเอกสารการเงิน 45% เติมครูภูมิลำเนากรุงเทพฯ (ครูซ้อน) เพิ่มสวัสดิการบ้านพักครู

– พัฒนาครู สร้างครูแกนนำ เทคโนโลยี และสร้างเครือข่าย โรงเรียนแห่งการเรียนรู้ สร้างครูแกนนำ 1,400 คน ออกแบบหลักสูตร สื่อการสอน และวัดผลด้วยเทคโนโลยีได้ สร้างครูโค้ช 120 คน เข้าร่วมโครงการก่อการครู ขยายผล SLC

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ค. 68)

Tags: , , ,