อเล็กซานเดอร์ โดบรินด์ท์ รัฐมนตรีมหาดไทยของเยอรมนี แสดงความเชื่อว่าการจัดการกับผู้อพยพที่ขอลี้ภัยไม่ผ่านและไม่สามารถกลับประเทศต้นทางได้ จะเกิดประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) สามารถบรรลุฉันทามติร่วมกัน และย้ำว่าไม่มีประเทศใดจะทำได้ลำพังโดยไม่พึ่งพากรอบความร่วมมือจากอียู
ข้อเสนอของโดบรินด์ท์เกิดขึ้นในช่วงที่คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังผลักดันแผนให้ประเทศสมาชิกสามารถปฏิเสธคำร้องขอลี้ภัยจากผู้อพยพที่เดินทางผ่านประเทศที่ปลอดภัยก่อนเข้ามาในอียู โดยแผนนี้ยังอยู่ในขั้นพิจารณา และถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มสิทธิมนุษยชน
ด้านรัฐบาลเยอรมนีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฟรีดริช แมร์ซ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อเดือนก.พ. จากคำมั่นว่าจะควบคุมจำนวนผู้อพยพ ซึ่งเป็นประเด็นที่ประชาชนจำนวนมากกังวล แม้ว่าสถิติจำนวนผู้อพยพลดลงต่อเนื่องมากกว่าหนึ่งปีแล้วก็ตาม
รัฐมนตรีมหาดไทยเยอรมนีอธิบายว่า การส่งตัวผู้อพยพไปยังประเทศที่สามใกล้บ้านเกิดที่ปลอดภัย เป็นแนวทางที่เป็นไปได้ หากมีประเทศที่ยินยอมรับบุคคลเหล่านี้ ซึ่งต้องเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ เยอรมนีเคยเผชิญเสียงคัดค้านจากประเทศเพื่อนบ้านเมื่อเริ่มผลักดันมาตรการเข้มงวดในการควบคุมพรมแดน โดยเฉพาะแผนที่จะส่งตัวผู้อพยพกลับไปยังประเทศยุโรปอื่นที่พวกเขาเดินทางผ่านก่อนเข้ามายังเยอรมนี
สำหรับแผนการของอิตาลีในการคัดกรองผู้ขอลี้ภัยที่ได้รับการช่วยเหลือกลางทะเลในประเทศแอลเบเนียยังไม่สามารถเดินหน้าได้เต็มที่ เนื่องจากประสบปัญหาทางกฎหมายภายในประเทศ
ส่วนอังกฤษซึ่งปัจจุบันไม่ได้เป็นสมาชิกอียูนั้น แผนการของรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่ต้องการส่งผู้อพยพที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายไปยังรวันดา ก็ต้องยุติลง หลังนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ เข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเขาไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 พ.ค. 68)
Tags: ข้อตกลงอียู, ผู้อพยพ, เยอรมนี