โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป (Toyota Motor Corp.) เปิดเผยในวันนี้ (8 พ.ค.) ว่า บริษัทคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะลดลง 34.9% สู่ระดับ 3.1 ล้านล้านเยน (2.16 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีงบการเงินปัจจุบันซึ่งสิ้นสุดเดือนมี.ค. 2569 เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนทั่วโลก
ขณะเดียวกันโตโยต้าคาดการณ์ว่า กำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ 3.8 ล้านล้านเยน ลดลง 20.8% จากปีงบการเงิน 2567 โดยตัวเลขดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของการประมาณการว่ายอดขายจะอยู่ที่ 48.5 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 1%
สำหรับปีงบการเงิน 2567 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือนมี.ค.ปีนี้ โตโยต้ามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.77 ล้านล้านเยน ลดลง 3.6% เมื่อเทียบกับปีงบการเงินก่อนหน้า โดยมียอดขายอยู่ที่ 48.04 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 6.5%
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รายงานผลประกอบการล่าสุดของโตโยต้าซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกนั้น เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ทุกคันที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เพิ่มเติม 25% นับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ เนื่องจากสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโตโยต้า โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก ภาษีศุลกากรเหล่านี้จึงอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของบริษัท
สำหรับปีงบการเงินปัจจุบัน โตโยต้าระบุว่าบริษัทมีแผนที่จะจำหน่ายรถยนต์จำนวน 11.2 ล้านคันทั่วโลก เพิ่มขึ้น 1.7%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ค. 68)
Tags: โตโยต้า, โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป