“ไมเคิล เบอร์รี” นลท.ดังจากหนัง “Big Short” พลิกมองตลาดจีนเป็นลบใน Q1/68

เอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลเมื่อวานนี้ (15 พ.ค.) ระบุว่า บริษัทไซออน แอสเซท แมเนจเมนท์ (Scion Asset Management) ของไมเคิล เบอร์รี ปรับมุมมองต่อบริษัทจีนเป็นลบมากขึ้นในช่วงสิ้นไตรมาส 1/2568 ท่ามกลางข่าวที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณานโยบายการค้าใหม่

เบอร์รี ผู้โด่งดังจากการคาดการณ์วิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ปี 2551 ได้อย่างแม่นยำ ได้หั่นจำนวนบริษัทในพอร์ตลงทุนของเขาลงเกือบครึ่ง เหลือเพียง 7 แห่ง พร้อมกับวางเดิมพันว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลง

นักลงทุนชาวสหรัฐฯ ผู้นี้ ซึ่งเรื่องราวการลงทุนของเขาถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ “The Big Short” แสดงจุดยืนดังกล่าวด้วยการเข้าซื้อ “put option” (สิทธิในการขายหุ้นที่ราคาและเวลาที่กำหนด โดยคาดการณ์ว่าราคาหุ้นจะตก) ในหุ้นบริษัทจีนอย่าง Alibaba, Baidu, JD.com และ PDD Holdings ตลอดไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากช่วงปลายเดือนธ.ค. ที่ไซออนยังคงถือครองหุ้นเหล่านี้โดยตรง (long position) โดยไม่มีออปชันเข้ามาเกี่ยวข้อง

เอกสารดังกล่าวยังเผยอีกว่า เบอร์รีได้ซื้อ put option ของ Nvidia และบริษัทจีน Trip.com Group โดยทั้งสองรายการถือเป็นการลงทุนใหม่ในพอร์ตของเขา

อย่างไรก็ตาม เอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของราคาใช้สิทธิ ราคาซื้อ หรือวันหมดอายุของออปชัน รวมถึงไม่ได้ระบุว่าการถือครองหุ้นนั้นเป็นการซื้อโดยตรงหรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากสัญญาอื่น ๆ

นอกจากนี้ ในพอร์ตของเบอร์รียังมีการถือครองหุ้น Estee Lauder บริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ค. 68)

Tags: , ,