ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ (19 พ.ค.) หลังจากมูดี้ส์ เรทติ้งส์ (Moody’s Ratings) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ และหลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดค้าปลีกที่ชะลอตัวลงมากกว่าคาด
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 37,617.63 จุด ลดลง 136.09 จุด หรือ -0.36%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,364.44 จุด ลดลง 3.02 จุด หรือ -0.09% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 23,230.95 จุด ลดลง 114.10 จุด หรือ -0.49%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 1.07% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง 0.51%
มูดี้ส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ จากระดับ Aaa ลงมาอยู่ที่ Aa1 เมื่อวันศุกร์ (16 พ.ค.) โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงหนึ่งขั้นสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้สาธารณะและภาระดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับที่สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ที่มีอันดับใกล้เคียงกันอย่างมาก”
ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. ปรับตัวขึ้น 5.1% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.5% และน้อยกว่าเดือนมี.ค.ที่ขยายตัว 5.9% ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการอุปโภคบริโภคของจีนยังคงอ่อนแอ
ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ของจีน ปรับตัวขึ้น 6.1% เมื่อเทียบรายปี แม้ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 5.5% แต่การขยายตัวดังกล่าวชะลอตัวลงจากที่พุ่งขึ้นถึง 7.7% ในเดือนมี.ค.
ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรซึ่งรวมถึงการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 4% ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.2%
นอกจากนี้ ราคาบ้านใหม่ของจีนทรงตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่สองในเดือนเม.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน แม้ว่ารัฐบาลจีนพยายามใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพของภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ค. 68)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นเอเชีย