IPOInsight: NUT หุ้นเสริมอาหารพันล้าน ก้าวสู่เส้นทางสายบิวตี้ !!

บมจ. นูทริชั่น โปรเฟส [NUT] หุ้นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชื่อดังหลายแบรนด์ !! เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 37 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 6.80 บาท P/E 12.72 เท่า และจะเริ่มเทรดในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค วันที่ 11 มิถุนายน 68 !!

ทำความรู้จักกับ NUT :: หุ้นผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง มีจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ทั้งการผลิตภายใต้แบรนด์ของบริษัทเอง (House Brand) แบรนด์ร่วม (Co-Brand) และการรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานสากล มีช่องทางจัดจำหน่ายครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ตอบโจทย์สายเฮลตี้

แอบดูงบ NUT ล่าสุด ::

  • งบปี 66 มีรายได้รวม 1,187.67 ล้านบาท กำไรสุทธิ 65.06 ล้านบาท
  • งบปี 67 มีรายได้รวม 1,165.46 ล้านบาท กำไรสุทธิ 55.16 ล้านบาท
  • งบ 3M/67 มีรายได้รวม 301.00 ล้านบาท กำไรสุทธิ 19.89 ล้านบาท
  • งบ 3M/68 มีรายได้รวม 290.52 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28.85 ล้านบาท

NUT กับเงิน IPO :: มี 2 วัตถุประสงค์หลัก คือ

  1. เงินทุนหมุนเวียนสำ หรับ การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การผลิต Content (รูปแบบเนื้อหา) และการว่าจ้างพรีเซ็นเตอร์ และอินฟลูเอนเซอร์สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท :: จำนวน 200 ล้านบาท
  2. เงินทุนหมุนเวียน :: จำนวน 51.60 ล้านบาท

>>> รวมทั้งหมด 251.60 ล้านบาท <<<

เปิดใจผู้บริหาร NUT : นายภาคิณ กิตติภานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เล่าถึงจุดเด่นของบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ และ ฐานลูกค้าหลากหลาย อีกทั้งตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและตลาดเครื่องสำอางที่ยังมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่แบรนด์ของบริษัทค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะสินค้าเรือธงกลุ่มเสริมอาหาร อย่าง Yes Care, Abalone Collagen, Veggie ซึ่งหลายแบรนด์เป็นการ Collaboration กับดาราที่มีชื่อเสียง

อีกหนึ่งจุดแข็งคือบริษัทไม่มีหนี้ เงินที่ระดมทุนมาได้ทั้งหมดจะนำไปเพิ่มสภาพคล่องของธุรกิจและการตลาด ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น และในอนาคตมีแผนเจาะกลุ่มตลาดเครื่องสำอางซึ่งยังมีโอกาสค่อนข้างมาก มูลค่าตลาดสูงกว่าตลาดอาหารเสริม

มั่นใจว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทจากเดิมที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 90% เครื่องสำอาง 10% จะค่อย ๆ ปรับตัวเป็น 50 ต่อ 50 ถือเป็นเป้าหมายและแรงบันดาลใจในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ

“แม้ช่วงแรกต้นทุนการทำการตลาดจะค่อนข้างสูง แต่ในอนาคต เมื่อเราได้เป็นแบรนด์ Top of Mind ลูกค้าจดจำแบรนด์ของคุณได้ ค่าการตลาดจะปรับตัวลดลง สัดส่วนกำไรจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น” นายภาคิณ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 68)

Tags: , , , ,