CFARM ลุย 2 โครงการใหม่เลี้ยงไก่ไข่-ฟาร์มโคนม เริ่มทยอยรับรู้ตั้งแต่ Q4/68 หนุนผลงานปี 69 ทะยาน

นางสาวมธุชา จึงธนสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการ บมจ.ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) [CFARM] เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าขับเคลื่อน 2 โครงการใหญ่ ได้แก่ ฟาร์มไก่ไข่ และ ฟาร์มวัวนม เพื่อยกระดับการผลิตอาหารสดในประเทศ ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจในคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร

ในส่วนของฟาร์มไก่ไข่ CFARM มีมติอนุมัติลงทุน โครงการฟาร์มไก่ไข่บนที่ดินของบริษัทในจังหวัดบุรีรัมย์ มูลค่ารวม 119.71 ล้านบาท เพื่อรองรับแม่ไก่ไข่จำนวน 200,000 ตัวในระบบการเลี้ยงแบบยืนกรง (caged layer) ผ่านการสนับสนุนทางการเงินจากการกู้ยืมสถาบันการเงินและทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ โดยคาดว่าจะเป็นการกู้ยืมมากกว่า 50% เพื่อลงทุนในอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรการผลิตใหม่ทั้งหมด

ฟาร์มไก่ไข่จะบริหารจัดการภายใต้โมเดลธุรกิจ Contract Farming ใกล้เคียงกับธุรกิจไก่เนื้อเดิมของบริษัท และได้ตกลงกับคู่สัญญาแล้ว เป็นระยะเวลาสัญญา 2 ปี คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้และกำไรในไตรมาส 4/68 ซึ่งฟาร์มไก่ไข่จะสามารถเก็บไข่ได้ทุกวัน และเรียกเก็บเงินได้ในทุก ๆ 14 วัน คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนใน 6 ปี โดยโครงการอยู่ระหว่างคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างผ่านกระบวนการเปรียบเทียบราคา ปัจจุบันการดำเนินการมีความคืบหน้าแล้ว 5%

การลงทุนในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการเติบโตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจของบริษัทในระยะยาว โดยอัตราการทำกำไรคาดว่าจะอยู่ในระดับเฉลี่ย 7–8% เทียบเท่ากับธุรกิจไก่เนื้อที่ดำเนินอยู่เดิม ภายใต้ภาพรวมค่าใช้จ่ายการบริหารที่ไม่ได้แตกต่างกันมาก และไม่ได้กระทบกัน

ทั้งนี้อุตสาหกรรมไก่ไข่ยังถือเป็นหนึ่งในภาคเกษตรหลักของประเทศ โดยมีความต้องการภายในประเทศที่มั่นคงและมีศักยภาพในการขยายตลาดส่งออก โดยเฉพาะไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของไข่ไก่ ซึ่งบริษัทฯ มุ่งมั่นจะพัฒนาเพื่อเป็นผู้นำในตลาดในอนาคต

สำหรับโครงการฟาร์มโคนม มีความคืบหน้าแล้วประมาณ 20% โดยอยู่ระหว่างการศึกษาระบบการเลี้ยงโคนมและปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะสมกับการผลิตน้ำนมคุณภาพสูง ที่ล่าช้าไปบ้างจากปริมาณฝนที่ตกหนัก ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างสรุปแหล่งจัดซื้อโคนมพันธุ์ดี จำนวนกว่า 1,250 ตัว เพื่อเลี้ยงในฟาร์มที่จังหวัดบุรีรัมย์ คาดว่าจะสามารถนำเข้าโคนมได้ภายในช่วงปลายไตรมาส 3/68 และเริ่มรีดนมดิบล็อตแรกภายในไตรมาส 1/69

นางสาวมธุชา กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานเพื่อพัฒนาแบรนด์นมสดของบริษัทฯ ในอนาคต เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาโครงการฟาร์มทั้ง 2 ประเภทให้ได้ตามแผนที่วางไว้ โดยยึดหลักการบริหารจัดการที่ยั่งยืน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงด้านอาหารของประเทศไทยในระยะยาว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ค. 68)

Tags: , ,